วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558
มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร พุทธวจน
#มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร ..แสวงหาที่ประเสริฐ
https://www.youtube.com/watch?v=pMs5LHSqgkg&feature=share
***การแสวงหา...ที่ประเสริฐ....***
*****************************
[๓๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การแสวงหาที่ประเสริฐเป็นไฉน?
ดูกรภิกษุทั้งหลายโลกนี้
โดยตนเองเป็นผู้มี
***ชาติ***
เป็นธรรมดา
ทราบชัดโทษในสิ่งมีชาติเป็นธรรมดา
ย่อมแสวงหาพระนิพพาน
ที่ไม่เกิด หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ
โดยตนเองเป็นผู้มี
***ชรา***
เป็นธรรมดา
ทราบชัดโทษในสิ่งมีชราเป็นธรรมดา
ย่อมแสวงหาพระนิพพาน
ที่ไม่แก่หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้เกษมจากโยคะ
โดยตนเองเป็นผู้
***พยาธิ***
เป็มธรรมดา
ทราบชัดโทษในสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา
ย่อมแสวงหาพระนิพพาน ที่ไม่ตาย
หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามีได้ เกษมจากโยคะ
โดยตนเองเป็นผู้มี
***โศก***
เป็นธรรมดา
ทราบชัดโทษในสิ่งมีโศกเป็นธรรมดา
ย่อมแสวงหานิพพาน
ที่หาโศกมิได้ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ
โดยตนเองเป็นผู้มี
***สังกิเลส***
เป็นธรรมดา
ทราบชัดโทษในสิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดา
ย่อมแสวงหาพระนิพพาน ที่ไม่เศร้าหมอง
หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ
ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้แล คือ
***การแสวงหาที่ประเสริฐ.***
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
หน้าที่ ๒๒๑/๔๓๐ ข้อที่ ๓๑๕-๓๑๖
****************************
อ่านพุทธวจนเพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E - Tipitaka
http://etipitaka.com/read?keywords=มรณะ&language=thai&number=221&volume=12
****************************
การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ
***การแสวงหา...ที่ไม่ประเสริฐ...***
***********************************
[๓๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐเป็นไฉน?
ดูกรภิกษุทั้งหลายคนบางคนในโลกนี้
โดยตนเองเป็นผู้มี
***ชาติ***
เป็นธรรมดา
ก็ยังแสวงหาสิ่งมีชาติเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เป็นผู้มี
***ชรา***
เป็นธรรมดา
ก็ยังแสวงหาสิ่งมีชราเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เป็นผู้มี
***พยาธิ***
เป็นธรรมดา
ก็ยังแสวงหาสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เป็นผู้มี
***มรณะ***
เป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เป็นผู้มี
***โศก***
เป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีโศกเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
เป็นผู้มี
***สังกิเลส***
เป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
ก็อะไรเรียกว่า
สิ่งมีชาติเป็นธรรมดา
บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค
ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า สิ่งมีชาติเป็นธรรมดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สิ่งมีชาติเป็นธรรมดาเหล่านั้น
เป็นอุปธิ
ผู้ที่ติดพัน
ลุ่มหลง
เกี่ยวข้องในสิ่งมีชาติเป็นธรรมดาเหล่านั้น
ชื่อว่าโดยตนเองเป็นผู้มีชาติเป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีชาติเป็นธรรมดา อยู่นั่นแหละ
ก็อะไรเล่าเรียกว่าสิ่งมีชราเป็นธรรมดา
บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ
ไก่สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน
เรียกว่าสิ่งมีชราเป็นธรรมดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีชราเป็นธรรมดาเหล่านั้น
เป็นอุปธิ
ผู้ที่ติดพัน
ลุ่มหลง
เกี่ยวข้อง
ในสิ่งมีชราเป็นธรรมดาเหล่านั้น
ชื่อว่าโดยตนเองเป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีชราเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ ก็อะไรเล่า เรียกว่า
สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดา?
บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร
ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า
สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาเหล่านั้น
เป็นอุปธิ
ผู้ที่ติดพัน
ลุ่มหลงเกี่ยวข้อง
ในสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาเหล่านั้น
ชื่อว่าโดยตนเองเป็นผู้มีพยาธิเป็นธรรมดา
ยังแสดงหาสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
ก็อะไรเล่า เรียกว่า สิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา?
บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ ไก่ สุกร
ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน
เรียกว่า สิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาเหล่านั้น
เป็นอุปธิ
ผู้ที่ติดพัน
ลุ่มหลง
เกี่ยวข้อง
ในสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาเหล่านั้น
ชื่อว่าโดยตนเองเป็นผู้มีมรณะเป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
ก็อะไรเล่า เรียกว่า สิ่งมีความโศกเป็นธรรมดา?
บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ
แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า
สิ่งมีความโศกเป็นธรรมดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งมีความโศกเป็นธรรมดา เหล่านั้น
เป็นอุปธิ
ผู้ที่ติดพัน
ลุ่มหลง
เกี่ยวข้อง
ในสิ่งมีความโศกเป็นธรรมดาเหล่านั้น
ชื่อว่าโดยตนเองเป็นผู้มีความโศกเป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีความโศกเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
ก็อะไรเล่า เรียกว่า สิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดา?
บุตร ภรรยา ทาสหญิง ทาสชาย แพะ แกะ
ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา ทอง เงิน เรียกว่า
สิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดา เหล่านั้น
เป็นอุปธิ
ผู้ที่ติดพัน
ลุ่มหลง
เกี่ยวข้อง
ในสิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดา เหล่านั้น
ชื่อว่าโดยตนเองเป็นผู้มีสังกิเลสเป็นธรรมดา
ยังแสวงหาสิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดาอยู่นั่นแหละ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้คือ
***การแสดงหาที่ไม่ประเสริฐ.***
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
หน้าที่ ๒๒๑/๔๓๐ ข้อที่ ๓๑๕-๓๑๖
*******************************
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติมได้จาก โปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/read?keywords=มรณะ&language=thai&number=221&volume=12#
********************************
#การรู้อริยสัจ๔ ...
#เร่งด่วนกว่า..#การดับไฟ..#ที่กำลังไหม้อยู่บนศรีษะ...
#สัตติสตสูตร
#ว่าด้วยการตรัสรู้อริยสัจ๔
[๑๗๑๗] พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อผ้าหรือศีรษะถูกไฟไหม้แล้ว
จะควรกระทำอย่างไร?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญเมื่อผ้าหรือศีรษะถูกไฟไหม้แล้ว
ควรจะกระทำความพอใจ
ความพยายาม
ความอุตสาหะ
ความไม่ย่นย่อ
ความไม่ท้อถอย
สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า
เพื่อดับผ้าหรือศีรษะนั้น.
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลพึงวางเฉย
ไม่ใส่ใจถึงผ้าหรือศีรษะที่ถูกไฟไหม้
แล้ว
#พึงกระทำความพอใจ
#ความพยายาม
#ความอุตสาหะ
#ความไม่ย่นย่อ
#ความไม่ท้อถอย
#สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า
#เพื่อตรัสรู้อริยสัจ ๔
#ที่ยังไม่ตรัสรู้ตามความเป็นจริง
อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ
ทุกขอริยสัจ ฯลฯ
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ
เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียร
เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๙
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
หน้าที่ ๔๓๖/๔๖๙
ข้อที่ ๑๗๑๘-๑๗๑๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น