วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คนชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว.VS.คนดียิ่งกว่าคนดี..การประพฤติ กุศลกรรมบถ ๑๐ & อกุ...

คนชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว.VS.คนดียิ่งกว่าคนดี..การประพฤติ กุศลกรรมบถ ๑๐ & อกุศลกรรมบท ๑๐ ใน ๔ แง่มุม🙏🙏🙏 Cr.คลิปวีดีโอจากเพจ วัดนาป่าพง www.watnapp.com ช่องยูทูป... nirdukkha https://www.youtube.com/user/nirdukkha อกุศลกรรมบถ(๔๐)ทำแล้วจะเป็นผู้ถูกถอดทิ้งไว้ในนรก..กุศลกรรมบถ(๔๐)ทำแล้วจะเป็นผู้ถูกเชิญไว้ในสวรรค์ 🙇‍♂️🙇‍♂️🙇‍♂️ ------ กุศลกรรมบถ แบ่งออกเป็น ๓ ประการ คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม กุศลกรรมบถทางกายกรรม มี ๓ ประการ คือ ๑. เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ๒. เว้นขาดจากการลักทรัพย์ ๓. เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามกุศล กรรมบถทางวจีกรรม มี ๔ ประการ คือ ๑. เว้นขาดจากการพูดเท็จ ๒. เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด ๓. เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ ๔. เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ กุศลกรรมบถทางมโนกรรม มี ๓ ประการ คือ ๑. ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น ๒. ไม่มีจิตคิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น ๓. มีความเห็นชอบ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ หมายถึง การที่บุคคลใดเป็นผู้มีความเมตตากรุณา ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ อีกทั้งมีความเอ็นดูหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง การเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์นั้นครอบคลุมถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ ดังนี้คือ ๑. เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการฆ่าสัตว์ ๓. พอใจในการเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๔. กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ หมายถึง การที่บุคคลใดเป็นผู้ไม่ถือเอาทรัพย์สิ่งของที่บุคคลอื่น ไม่ได้ให้โดยทางทุจริต การเว้นขาดจากการลักทรัพย์นั้นครอบคลุมถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ ดังนี้คือ ๑. เป็นผู้เว้นขาดจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการลักทรัพย์ ๓. พอใจในการเว้นจากการลักทรัพย์ ๔. กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม หมายถึง การที่บุคคลใดเว้นจากการล่วงเกินในสตรีที่อยู่ในความปกครองดูแลรักษาของมารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย พี่สาว น้องสาว ญาติ ศาสนา สตรีมีสามี สตรีที่มีคู่หมั้น การเว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามนี้ ครอบคลุมถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ คือ ๑. เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๓. พอใจในการเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๔. กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการประพฤติผิด ในกาม เว้นขาดจากการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ หมายถึง การที่บุคคลใดเว้นจากการเจตนาพูดให้ผู้ฟังเข้าใจผิดไปจากความจริง เมื่อรู้ สิ่งใดก็พูดสิ่งนั้น เมื่อไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ เมื่อเห็นก็บอกว่าเห็น เมื่อไม่เห็นก็บอกว่าไม่เห็น การเว้นขาดจากการพูดเท็จนี้ ครอบคลุมถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ ดังนี้คือ ๑. เว้นขาดจากการพูดเท็จด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการพูดเท็จ ๓. พอใจในการเว้นจากการพูดเท็จ ๔. กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด หมายถึง การที่บุคลใดฟังความข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือสมานคนที่แตกร้าว หรือ ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วให้ชื่นชอบยินดี ให้เพลิดเพลินในความพร้อมเพรียง รวมถึงการกล่าวแต่คำที่ทำให้เกิด ความพร้อมเพรียงกัน การเว้นขาดจากการพูดส่อเสียดนี้ ครอบคลุม ถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ ดังนี้คือ ๑. เว้นขาดจากการพูดส่อเสียดด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการพูดส่อเสียด ๓. พอใจในการเว้นจากการพูดส่อเสียด ๔. กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดส่อเสียด เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ หมายถึง การที่บุคคลใดกล่าววาจาที่ไม่มีโทษ ไพเราะหู ชวนให้รัก จับใจ ประกอบด้วย คำสุภาพ เป็นที่พอใจ รักใคร่ของผู้ฟัง การเว้นขาดจากการพูดคำหยาบนี้ ครอบคลุม ถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ คือ ๑. เว้นขาดจากการพูดคำหยาบด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการพูดคำหยาบ ๓. พอใจในการเว้นจากการพูดคำหยาบ ๔. กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ หมายถึง การที่บุคคลใดพูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ อิงธรรม อิงวินัย พูดแต่คำเป็นหลักฐาน มีที่อ้างอิงและมีประโยชน์ การเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อนี้ ครอบคลุม ถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ คือ ๑. เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๓. พอใจในการเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๔. กล่าวสรรเสริญการเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น หมายถึง การที่บุคคลใดไม่เพ่งเล็งที่จะเอาทรัพย์สิ่งของของผู้อื่นในทาง มิชอบการไม่โลภอยากได้ของผู้อื่นนี้ ครอบคลุมถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ คือ ๑. ไม่อยากได้ของของผู้อื่นด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้ไม่อยากได้ของของผู้อื่น ๓. พอใจในการไม่อยากได้ของของผู้อื่น ๔. กล่าวสรรเสริญการไม่อยากได้ของของผู้อื่น ไม่มีจิตคิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น ไม่มีจิตคิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น หมายถึง การที่บุคคลใดไม่มีความชั่วร้ายในใจ เป็นผู้ไม่จองเวร ไม่มีความมุ่งร้ายผู้อื่น ปรารถนาให้ผู้อื่นไม่มีทุกข์ มีแต่ความสุข การไม่มีจิตคิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่นนี้ ครอบคลุมถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ คือ ๑. มีจิตไม่คิดปองร้ายด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้ไม่คิดปองร้าย ๓. พอใจในการไม่คิดปองร้าย ๔. กล่าวสรรเสริญการไม่คิดปองร้าย มีความเห็นชอบ มีความเห็นชอบ หมายถึง การที่บุคคลใดมีความเห็นไม่วิปริตว่าทานที่บุคคลให้แล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล การบูชามีผล ผลของกรรมดีกรรมชั่วมโลกนี้โลกหน้ามี มารดาบิดามีคุณ นรกสวรรค์มี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ได้เองโดยชอบมี การมีความเห็นชอบนี้ ครอบคลุมถึงการกระทำใน ๔ ลักษณะ คือ ๑. มีความเห็นชอบด้วยตนเอง ๒. ชักชวนผู้อื่นให้มีความเห็นชอบ ๓. พอใจในความเห็นชอบ ๔. กล่าวสรรเสริญความเห็นชอบ --- พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๔ สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต หน้าที่ ๒๗๗ ข้อที่ ๑๙๘ - ๑๙๙ --- link โปรแกรม E-Tipitaka http://etipitaka.com/read/thai/24/277/?keywords=%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%20%E0%B9%91%E0%B9%90%20%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เจริญบุญกิริยา วัตถุ ๓ ทาน ศีล ภาวนา ที่วัดนาป่าพง เช้าวันอาทิตย์ที่ 21 ...



[๑๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุญกิริยาวัตถุ ประการนี้ ประการเป็นไฉน คือ


  • บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยทาน ๑ 
  • บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยศีล ๑ 
  • บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยภาวนา ๑ 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานนิดหน่อย ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลนิดหน่อย ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นผู้มีส่วนชั่วในมนุษย์ ฯ
 
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานพอประมาณ ทำบุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยศีลพอประมาณ ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นผู้มีส่วนดีในมนุษย์ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราช 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาราชทั้ง ๔ ในชั้นนั้น ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานเป็นอดิเรก ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลเป็นอดิเรก ย่อมก้าวล่วงเทวดาชั้นจาตุมมหาราชโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุทิพย์ วรรณทิพย์ สุขทิพย์ ยศทิพย์ อธิปไตยทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ โผฏฐัพพทิพย์ ฯ
 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักกะจอมเทพในชั้นดาวดึงส์นั้น กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานเป็นอดิเรก ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลเป็นอดิเรกย่อมก้าวล่วงพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์โดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุทิพย์ ฯลฯ โผฏฐัพพทิพย์ ฯ
 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสยามเทพบุตรในชั้นยามานั้น ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานเป็นอดิเรก ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลเป็นอดิเรก ย่อมก้าวล่วงเทวดาชั้นยามาโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุทิพย์ ฯลฯ โผฏฐัพพทิพย์ ฯ
 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสันดุสิตเทพบุตรในชั้นดุสิตนั้น ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานเป็นอดิเรก ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลเป็นอดิเรก ย่อมก้าวล่วงเทวดาชั้นดุสิตโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุทิพย์ ฯลฯ โผฏฐัพพทิพย์ ฯ
 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานเป็นอดิเรก ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลเป็นอดิเรก ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสุนิมมิตเทพบุตรในชั้นนิมมานรดีนั้น ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานเป็นอดิเรก ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลเป็นอดิเรก ย่อมก้าวล่วงเทวดาชั้นนิมมานรดีโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุทิพย์ ฯลฯโผฏฐัพพทิพย์ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลมีประมาณยิ่ง ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวปรนิมมิตวสวัตตีเทพบุตรในชั้นปรนิมมิตวสวัตตีนั้น ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานเป็นอดิเรก ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลเป็นอดิเรก ย่อมก้าวล่วงเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตีโดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ อายุทิพย์ วรรณทิพย์ สุขทิพย์ ยศทิพย์ อธิปไตยทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ โผฏฐัพพทิพย์ 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุญกิริยาวัตถุ ระการนี้แล ฯ
 
จบสูตรที่ ๖

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๓
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
หน้าที่ ๑๘๗ - ๑๘๙ ข้อที่ ๑๒๗