****บุคคล ๓ จำพวก***
**********************
***คนหนึ่งเป็นผู้ไม่เสื่อม
***คนหนึ่งเป็นผู้เสื่อมเป็
***คนหนึ่งเป็นผู้จะปรินิพพ
*****
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่
ท่านพระอานนท์ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
พระผู้มีพระภาคทรงสามารถบัญ
ออกเป็นส่วนละ ๓ อีกหรือพระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
สามารถ อานนท์
เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางค
กุศลธรรมก็ดี
อกุศลธรรมก็ดีของบุคคลนี้มี
สมัยต่อมา
เรากำหนดรู้ใจบุคคลนั้น
ด้วยใจอย่างนี้ว่า
กุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป
อกุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้
แต่กุศลมูลที่เขายังตัดไม่ข
กุศลมูลนั้นก็ถึงความถอนขึ้
***บุคคลนี้จักเป็นผู้เสื่อ
เปรียบเหมือนถ่านไฟที่ไฟติด
อันบุคคลเก็บไว้บนศิลาทึบ
เธอพึงทราบไหมว่า
ถ่านไฟเหล่านี้จักไม่ถึงควา
ไพบูลย์ ฯ
อา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ อนึ่ง เปรียบเหมือนเมื่อพระอาทิตย
อา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ อนึ่ง เปรียบเหมือนในเวลาเสวยพระก
เวลาเที่ยงคืน เธอพึงทราบไหมว่า แสงสว่างหายไปหมดแล้ว ความมืดได้ปรากฏแล้ว ฯ
อา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางค
กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
สมัยต่อมา
เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลนั้น
กุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป
อกุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้
แต่กุศลมูลที่เขายังตัดไม่ข
กุศลมูลแม้นั้นก็ถึงความถอน
ด้วยประการอย่างนี้
***บุคคลนี้จักเป็นผู้เสื่อ
ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรอานนท์
ตถาคตกำหนดรู้ใจบุคคลด้วยใจ
กำหนดรู้ญาณเป็นเครื่องทราบ
กำหนดรู้ธรรมที่อาศัยกันเกิ
ดูกรอานนท์ อนึ่ง เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางค
กุศลธรรมก็ดี
อกุศลธรรมก็ดี
ของบุคคลนี้มีอยู่
สมัยต่อมา
เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลนั้น
อย่างนี้ว่า อกุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป
กุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้า
แต่อกุศลมูลที่เขายังตัดไม่
อกุศลมูลแม้นั้นก็ถึงความเพ
ด้วยประการอย่างนี้
***บุคคลนี้จักไม่เสื่อมต่อ
เปรียบเหมือนถ่านไฟที่ไฟติด
ลุกโพลงสว่างไสว
อันบุคคลเก็บไว้บนกองหญ้าแห
หรือบนกองไม้แห้ง
เธอพึงทราบไหมว่า ถ่านไฟเหล่านี้จักถึง
ความเจริญงอกงามไพบูลย์
อา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ อนึ่ง เปรียบเหมือนเมื่อพระอาทิตย
อา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ อนึ่ง เปรียบเหมือนในเวลาเสวยพระก
อา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางค
กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
สมัยต่อมา
เรากำหนดรู้ใจบุคคลนั้นด้วย
อกุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป
กุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้า
แต่อกุศลมูลที่เขายังตัดไม่
อกุศลมูลแม้นั้นก็ถึงความเพ
ด้วยประการอย่างนี้
***บุคคลนี้จักเป็นผู้ไม่เส
ฉันนั้นเหมือนกัน
ดูกรอานนท์ ตถาคตกำหนดรู้ใจบุคคลด้วยใจ
กำหนดรู้ญาณเป็นเครื่องทราบ
กำหนดรู้ธรรมที่อาศัยกันเกิ
ดูกรอานนท์ อนึ่ง เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางค
กุศลธรรมก็ดี
อกุศลธรรมก็ดี
ของบุคคลนี้มีอยู่
สมัยต่อมา
เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลนั้น
อกุศลธรรมของบุคคลนี้
แม้ประมาณเท่าน้ำที่สลัดออก
บุคคลนี้ประกอบด้วยธรรมที่ไ
เป็นธรรมฝ่ายขาวอย่างเดียว
จักปรินิพพานในปัจจุบันทีเด
เปรียบเหมือนถ่านไฟที่เย็น มีไฟดับแล้ว
อันบุคคลเก็บไว้บนกองหญ้าแห
เธอพึงทราบไหมว่า ถ่านไฟเหล่านี้จักไม่ถึงควา
อา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางค
ธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่ สมัยต่อมา เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลนั้น
ดูกรอานนท์ตถาคตกำหนดรู้ใจบ
เครื่องทราบอินทรีย์ของบุรุ
ดูกรอานนท์ บุคคล ๖ จำพวกนั้น บุคคล ๓ จำพวกข้างต้น
***คนหนึ่งเป็นผู้ไม่เสื่อม
***คนหนึ่งเป็นผู้เสื่อมเป็
***คนหนึ่งเป็นผู้เกิดในอบา
ในบุคคล ๖ จำพวกนั้น
บุคคล ๓ จำพวกข้างหลัง
***คนหนึ่งเป็นผู้ไม่เสื่อม
***คนหนึ่งเป็นผู้เสื่อมเป็
***คนหนึ่งเป็นผู้จะปรินิพพ
จบสูตรที่ ๘
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๓๖๒/๔๐๗ ข้อที่ ๓๓๓
**************************
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/
**************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น