วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559
สนทนาธรรมเช้าวันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2559
..ผู้โจทก์ประสงค์โจทผู้อื่น...
https://www.youtube.com/watch?v=mLSHtITyXYo&feature=youtu.be
อัตตาทานวรรคที่ ๕
หน้าที่ของโจทก์
[๑๑๘๓] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้า?
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรม ๕ อย่างไว้ในตน
แล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่าง อะไรบ้าง? คือ:
๑. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์หรือหนอ เราเป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวนหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวน จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านศึกษาความประพฤติทางกายก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
๒. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์หรือหนอ เราเป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์
ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวนหรือธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่?
ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้ประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวน จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญทานศึกษาความประพฤติทางวาจาก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
๓. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เมตตาจิต ไม่มีอาฆาต เราเข้าไปตั้งไว้แล้วในหมู่เพื่อนสพรหมจารีหรือธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ได้เข้าไปตั้งเมตตาจิต ไม่มีอาฆาตในหมู่เพื่อนสพรหมจารี จะมีผู้กล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเข้าไปตั้งเมตตาจิตในหมู่เพื่อนสพรหมจารีก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้
๔. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีสุตะมาก ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะหรือหนอ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้นเราได้ฟังมาก ทรงจำไว้คล่องปากขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีสุตะมาก ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้น เธอหาได้ฟังมาก ทรงจำไว้คล่องปากขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญาไม่ จะมีผู้กล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเรียนคัมภีร์ก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
๕. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราจำปาติโมกข์ทั้งสองได้ดี โดยพิสดาร สวดไพเราะคล่องแคล่วดี วินิจฉัยเรียบร้อย โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้จำปาติโมกข์ทั้งสอง โดยพิสดาร สวดไพเราะคล่องแคล่วดี วินิจฉัยเรียบร้อย โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะไม่ได้ มีผู้ถามว่า ท่าน สิกขาบทนี้
พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ที่ไหน เธอถูกถามดังนี้ ย่อมตอบไม่ถูกต้อง จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเรียนวินัยก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์โจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่นเถิด.
หน้าที่ของโจทก์อีกนัยหนึ่ง
[๑๑๘๔] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้า?
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น.
ธรรม ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:
๑. เราจักพูดโดยกาลอันควร จักไม่พูดโดยกาลไม่ควร
๒. เราจักพูดด้วยคำจริง จักไม่พูดด้วยคำเท็จ
๓. เราจักพูดด้วยคำสุภาพ จักไม่พูดด้วยคำหยาบ
๔. เราจักพูดด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์ จักไม่พูดด้วยคำไม่ประกอบด้วยประโยชน์
๕. เราจักมีเมตตาจิตพูด จักไม่มุ่งร้ายพูด
ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่นเถิด.
โจทก์ควรใฝ่ใจถึงธรรม
[๑๑๘๕] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้า?
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่าง อะไรบ้าง? คือ:
๑. ความการุญ
๒. ความหวังประโยชน์
๓. ความเอ็นดู
๔. ความออกจากอาบัติ
๕. ความทำวินัยเป็นเบื้องต้น
ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรให้ทำโอกาส
[๑๑๘๖] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส พระพุทธเจ้าข้า?
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส.
องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายไม่บริสุทธิ์
๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาไม่บริสุทธิ์
๓. เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์
๔. เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด
๕. ถูกซักเข้า ไม่อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส.
องค์ของภิกษุผู้ควรให้ทำโอกาส
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ควรทำโอกาส. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์
๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์
๓. เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์
๔. เป็นบัณฑิต ผู้ฉลาด
๕. ถูกซักเข้า อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส. สงฆ์ควรทำโอกาส.
- ฉบับหลวง ๘/๔๒๙-๔๓๒/๑๑๘๓-๖
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น