วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559
สนทนาธรรมเช้าวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2559 (วันปีใหม่ 2559)
#อยู่ด้วยความไม่ประมาท : กายคตาสติ #ละนันทิ สติเฝ้าประตูเมือง : เป็นผู้มีอำนาจเหนือครรลองแห่งจิต
https://www.youtube.com/watch?v=N-nSAeY6UwA&feature=share
#ธรรมทั้งหลายทั้งปวงมีการกระทำในใจ (มนสิการ) เป็นแดนเกิด
#มีผัสสะเป็นเหตุเกิด มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
#ผู้เข้าไปตั้งกายคตาสติไว้แล้ว สำรวมแล้วในผัสสายตนะ ๖
#มีจิตตั้งมั่นแล้วเนืองๆ พึงรู้ความดับกิเลสของตน
-
หยั่งเปรียบดั่งแม่น้ำทั้งหลายมีมหาสุมทรเป็นที่หยั่งลงภายใน
มหาสมุทรเปรียบดั่งกายคตาสติ(ความไม่ประมาท)
แม่น้ำทั้งหลาย เป็นอุปมาของธรรมทั้งหลายเหล่านี้ อันได้แก่
-
#อานาปานสติสมาธิ
เป็นธรรมอันเอก เป็นวิหารธรรมของพระศาสดาเมื่อปลีกวิเวก เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
ด้วยการพิจารณาว่า ลมหายใจเข้าและลมหายใจออก นั้นเป็นกายอันหนึ่งๆในกายทั้งหลาย ดังนี้ก็ชื่อว่า เจริญกายคตาสติ
-
#การรู้อิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง นอน
เรา เดินอยู่ ย่อมรู้ชัดว่า “เราเดินอยู่”
เมื่อยืน ย่อมรู้ชัดว่า "เรายืนอยู่"
เมื่อนั่ง ย่อมรู้ชัดว่า "เรานั่งอยู่"
เมื่อนอน ย่อมรู้ชัดว่า "เรานอนอยู่"
เมื่อเราตั้งกายไว้ด้วยอาการอย่างใด ก็ย่อมรู้ทั่วถึงกายนั้น ด้วยอาการอย่างนั้น
ก็ชื่อว่า เจริญกายคตาสติ
-
#การมีสัมปชัญญะความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
ในกรณีการก้าวไปข้างหน้า ถอยกลับหลัง การเหลียวดูแลดู การคู้ การเหยียด ... ทำความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ในการกิน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม การถ่ายอุจจาระปัสสาวะ การไป การหยุด การนั่ง การนอน การหลับ การตื่น การพูด การนิ่ง พระองค์ทรงตรัสถึงการเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ก็ชื่อว่า เจริญกายคตาสติ
-
#การพิจารณากายในเรื่องของความไม่งาม(อสุภะสัญญา)
พิจารณาเห็นกายนี้ เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงมา มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ
เต็มไปด้วยของไม่สะอาด มีประการต่างๆว่า ในกายนี้มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก...
ก็ชื่อว่า เจริญกายคตาสติ
-
#การพิจารณากายโดยความเป็นธาตุมีอยู่ในกายนี้(ดิน น้ำ ไฟ ลม)
พิจารณากายนี้
รู้โดยความเป็นธาตุดิน
รู้โดยความเป็นธาตุน้ำ
รู้โดยความเป็นธาตุไฟ
และ รู้โดยความเป็นธาตุลม ว่าไม่สำคัญโดยความเป็นธาตุเหล่านี้ ไม่ยินดีและไม่สำคัญว่าเป็นเรา ก็ชื่อว่า เจริญกายคตาสติ
-
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงมีการกระทำในใจ (มนสิการ) เป็นแดนเกิด
มีผัสสะเป็นเหตุเกิด มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
ผู้เข้าไปตั้งกายคตาสติไว้แล้ว สำรวมแล้วในผัสสายตนะ ๖
มีจิตตั้งมั่นแล้วเนืองๆ พึงรู้ความดับกิเลสของตน
-
กายคตาสติของเรานี้ จักเป็นสิ่งที่เราอบรม
กระทำให้มาก
กระทำให้เป็นยานเครื่องนำไป
กระทำให้เป็นของที่อาศัยได้
เพียงตั้งไว้เนืองๆ
เพียรเสริมสร้างโดยรอบคอบ
เพียรปรารภสม่ำเสมอด้วยดี ดังนี้
-
กายคตาสติ (การมีความระลึกรู้อยู่ที่กาย)
พระศาสดาตรัสว่า สติเป็นใหญ่ในที่ทั้งปวง
ผู้ใดไม่เจริญกระทำให้มากซึ่งกายคตาสติ
ผู้นั้นเป็นผู้หลงลืมอมตะ(ความไม่ตาย) เป็นผู้ประมาท(ต่อความตาย)
ผู้ประมาทคือผู้ที่ไม่สังวรอินทรีย์
ผู้ที่ไม่สำรวมอินทรีย์คือผู้ที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ
-
พระตถาคตตรัสอุปมาว่าแม่น้ำทั้งหลายย่อมไหลไปสู่ โน้มไปสู่ น้อมไปสู่ โอนไปสู่สมุทร ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดซึ่งเป็นไปในส่วนวิชชา มีความไม่ประมาทเป็นมูล มีความไม่ประมาทเป็นที่ประชุมลง ฉันนั้น
ความไม่ประมาทเป็นยอดแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย มีเบื้องต้นคือศีลและทิฏฐิที่ตั้งไว้ตรง เป็นเบื้องต้น
ดุจดั่งพระราชาทั้งหลายย่อมเดินตามพระมหาจักพรรดิ์ผู้เป็นยอดของพระราชาเหล่านั้น
-
พระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งที่เรียกว่า จิตก็ดี มโนก็ดี วิญญาณก็ดี ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปตลอดวันตลอดคืน
ปุถุชนผู้มิได้สดับในธรรมไม่อาจรู้ธรรมอันเป็นเครื่องเกิดปัญญาที่เห็นความเกิดและความดับอันประเสริฐ
พระองค์เปรียบอุปมากายของเรานี้อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูติรูป ๔
เพราะเหตุแห่งการบังเกิดขึ้น การเสื่อมลงไป การถูกยึดครอง หรือแม้แต่การตายก็ดี
ปุถุชนผู้มิได้สดับในธรรมนี้ก็ยังพอจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ปล่อยวางลงได้บ้างในกาย
กายจึงเปรียบเหมือนเสาเขื่อนเสาหลัก ยึดกาย จึงดีกว่ายึดจิต ดังนี้
-
จึงควรมีสติเข้าไปตั้งไว้ในกาย นี้จึงเป็น กายคตาสติ
อันพระองค์สรรเสริญว่าเป็น
หนทางที่ให้ไปถึงธรรมในเบื้องหน้า
หนทางให้ไปถึงอสังขตะ
ทางคือความสิ้นไปแห่ง ราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ
-
กายคตาสติ เป็นธรรมที่พระองค์สรรเสริญว่า
เป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ เพื่อปัญญาเจริญไพบูลย์
มีความไม่ประมาทเป็นที่ประชุมลง ดังนี้แล้ว
กายคตาสติจึงเป็นธรรมที่เอื้อต่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น