วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ผลเสียที่ปล่อยจิตติดอารมณ์ พุทธวจนฉบับ ๘ อินทรียสังวร อ่านโดย ภิกขุเอเอ ...



ผลเสียที่ปล่อยจิตติดอารมณ์ ก่อให้เกิดอนุสัยทั้ง 3  พุทธวจนฉบับ ๘ อินทรียสังวร อ่านโดย ภิกขุเอเอ อธิจิตฺโต

#ฝึกทิ้งอารมณ์กันคะ

ผูกติดอารมณ์ทำให้เกิดอนุสัย ๓ สังโยชน์เครื่องผูกสัตว์ติดอยู่ในภพ..ละทิ้งอารมณ์ สุข ทุกข์ อยู่ อุเบกขาในพระสูตรอินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ.ต้อง.ละอุเบกขา.โดยการเห็นเกิดดับ.ไม่มีท่านพระอาจารย์.โยงพระสูตรไปไม่เป็นเลยนะนี้เรา!..แนะนำให้..ฟังคลิปเสียงอ่านพระสูตรของทางวัดนาป่าพงทำคะ..ในพระไตรปิฏกย่อๆ ไว้..ท่านเมตตาอ่านเต็มๆ..ให้ด้วย..จะเห็นถึงคำที่ไม่มีช่องโหว่ ..รูรั่ว..คำที่สมบูรณ์..บริบูรณ์..ดีแล้ว..โดยสิ้นเชิง..นั้นเป็นอย่างไร..สุคตวินโย พุทธวจนล้วนๆ ที่ #วัดนาป่าพง

CR. พุทธวจนฉบับ ๘ อินทรียสังวร อ่านโดย ภิกขุเอเอ อธิจิตฺโต

ดาวน์โหลดฟรี.. http://watnapp.com/audio/view_category/94/3171

CR.ภาพฟรีจาก https://pixabay.com

ก่อให้เกิดอนุสัยทั้ง ๓



ภิกษุทั้งหลาย !

เพราะอาศัย ตา ด้วย รูปทั้งหลาย ด้วย จึงเกิด จักขุวิญญาณ

การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการนั่น คือ ผัสสะ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย...

เพราะอาศัย หู ด้วย เสียงทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดโสตวิญญาณ

การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการนั่น คือ ผัสสะ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย...

เพราะอาศัย จมูก ด้วย กลิ่นทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดฆานวิญญาณ

การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการนั่น คือ ผัสสะ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย...

เพราะอาศัย ลิ้น ด้วย รสทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดชิวหาวิญญาณ

การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการนั่น คือ ผัสสะ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย...

เพราะอาศัย กาย ด้วย โผฏฐัพพะทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดกายวิญญาณ

การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการนั่น คือ ผัสสะ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย...

เพราะอาศัย ใจ ด้วย ธรรมารมณ์ทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดมโนวิญญาณ

การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการนั่น คือ ผัสสะ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย

จึงเกิดเวทนา อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง.



บุคคลนั้น

เมื่อ สุขเวทนา ถูกต้องอยู่

ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่;

อนุสัยคือราคะ ย่อมตามนอน แก่บุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุเสติ)

เมื่อ ทุกขเวทนา ถูกต้องอยู่

เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมระทมใจ ย่อมคร่ำครวญ

ย่อมตีอกร่ำไห้ ย่อมถึงความหลงใหลอยู่;

อนุสัยคือปฏิฆะ ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น.

เมื่อ เวทนาอันไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุข ถูกต้องอยู่

เขาย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง

ซึ่งสมุทยะ (เหตุเกิด) ของเวทนานั้นด้วย

ซึ่งอัตถังคมะ (ความดับไม่เหลือ) แห่งเวทนานั้นด้วย

ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนานั้นด้วย

ซึ่งอาทีนวะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย

ซึ่งนิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไป) ของเวทนานั้นด้วย;

อนุสัยคืออวิชชา ย่อมตามนอน (เพิ่มความเคยชินให้) แก่บุคคลนั้น.

บุคคลนั้นหนอ

(สุขาย เวทนาย ราคานุสยํ อปฺปหาย)

ยังละราคานุสัย อันเกิดจากสุขเวทนาไม่ได้;

(ทุกฺขาย เวทนาย ปฏิฆานุสยํ อปฺปฏิวิโนเทตฺวา)

ยังบรรเทาปฏิฆานุสัย อันเกิดจากทุกขเวทนาไม่ได้;

(อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสยํ อสมูหนิตฺวา)

ยังถอนอวิชชานุสัย อันเกิดจากอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้;

(อวิชฺชํ อปฺปหาย วิชฺชํ อนุปฺปาเทตฺวา)

เมื่อยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำวิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว,

(ทิฏฺเฐว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภวิสฺสตีติ)

เขาจักทำที่สุดแห่งทุกข์ ในทิฏฐธรรม (รู้เห็นได้เลย) นี้ได้ นั้น;

(เนตํ ฐานํ วิชฺชติ ฯ)

ข้อนี้ ไม่เป็นฐานะที่จักมีได้.



อุปริ. ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒.

อินทรียสังวร ๑๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น