วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
สนทนาธรรมเช้าวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2558
#ทำอย่างไรจะไปแต่ทางเจริญไม่เสื่อม
บุคคล ๖ จำพวก
(1,2) เป็นผู้งดเว้นจากบาป มีการอยู่ร่วม เป็นสุข
#พวกชนที่ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน
#ย่อมยินดียิ่งด้วยการอยู่ร่วมกัน
(3,4) -มีความโกรธและความถือตัว บางครั้งบาง คราว
#โลกธรรมย่อมเกิดแก่เขา
(5,6) มีความโกรธและความถือตัว บางครั้ง บางคราว
#วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
-------------------------------
#เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง
#ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
#ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
----------------------------
-เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
-ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วย ความเป็นพหูสูต
-ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
-ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไป แล้ว เขาย่อมไปทางเสื่อม
ไม่ไปทางเจริญ เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
--------------------------------
๒. มิคสาลาสูตร
[๓๑๕] ครั้งนั้น เวลาเช้า
ท่านพระอานนท์นุ่งแล้วถือบาตรจีวร
เข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา
แล้วนั่งบนอาสนะที่ได้ปูไว้
ครั้งนั้น อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่
กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ถามท่านพระอานนท์ว่า
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้
ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน
-
คือคนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
คือ บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ
เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ประพฤติห่างไกล
งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านทำกาละแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า
#เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
-
บุรุษชื่ออิสิทัตตะผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน
เป็นผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์
(แต่)ยินดีด้วยภรรยาของตน
แม้เขากระทำกาละแล้ว
พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า
#เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้
ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน
คือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร ฯ
-
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรน้องหญิง
ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่าง
นั้นแล ฯ
-
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์รับบิณฑบาตที่นิเวศน์ของอุบาสิกา
ชื่อมิคสาลาแล้ว ลุกจากอาสนะกลับไป
ครั้งนั้น
ท่านพระอานนท์กลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตแล้ว
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
เวลาเช้า ข้าพระองค์นุ่งแล้วถือบาตรจีวร
เข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา
แล้วนั่งบนอาสนะที่ได้ปูไว้
ลำดับนั้น อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเข้าไปหาข้าพระองค์ถึงที่อยู่
กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ถามข้าพระองค์ว่า
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้
ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คนคือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
อันวิญญูชนพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
คือ บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ
เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล
งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านกระทำกาละแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า
เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
บุรุษชื่ออิสิทัตตะผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน
เป็นผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์
(แต่) ยินดีด้วยภรรยาของตน
แม้เขากระทำกาละแล้ว
พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า
เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน
คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกัน
อันวิญญูชนพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
เมื่ออุบาสิกาชื่อมิคสาลากล่าวอย่างนี้แล้ว
ข้าพระองค์ได้กล่าวกะอุบาสกชื่อมิคสาลาดังนี้ว่า
ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้นแล ฯ
-
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์
ก็อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเป็นพาล
ไม่ฉลาด
เป็นสตรี รู้ตัวว่าเป็นสตรี เป็นอะไร
และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร
ในญาณเครื่องกำหนดรู้
ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล
-
ดูกรอานนท์ บุคคล ๖ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
๖ จำพวกเป็นไฉน ดูกรอานนท์บุคคลบางคนในโลกนี้
-
เป็นผู้งดเว้นจากบาป
มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
พวกชนที่ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน
ย่อมยินดียิ่งด้วยการอยู่ร่วมกัน
เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เขาตายไปแล้วย่อมไปทางเสื่อม
ไม่ไปทางเจริญ
เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
-
ดูกรอานนท์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
-
เป็นผู้งดเว้นจากบาป
มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
พวกคนที่ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน
ย่อมยินดียิ่งด้วยการอยู่ร่วมกัน
เขาได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เขาตายไปแล้ว
ย่อมไปทางเจริญไม่ไปทางเสื่อม
เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
-
ดูกรอานนท์ พวกชนผู้ถือประมาณย่อมประมาณ
ในเรื่องนั้นว่า ธรรมของชนแม้นี้ก็เหล่านั้น
และธรรมของชนแม้อื่นก็เหล่านั้นแหละ
เหตุไฉน บรรดาคน ๒ คนนั้น
-
คนหนึ่งเลว
คนหนึ่งดี
-
ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น
เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
-
ดูกรอานนท์ ใน ๒ คนนั้น
บุคคลใดเป็นผู้งดเว้นจากบาป
มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
พวกคนที่ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน
ย่อมยินดีด้วยการอยู่ร่วมกัน
เขาได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
-
ดูกรอานนท์ บุคคลนี้ดีกว่า และประณีตกว่า
บุคคลที่กล่าวข้างต้นโน้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้
ใครเล่านอกจากตถาคตจะพึงรู้เหตุนั้น
-
เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลาย
อย่าได้เป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล
และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
ย่อมทำลายคุณวิเศษของตน
เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ
-
ดูกรอานนท์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
#มีความโกรธและความถือตัว
บางครั้งบางคราว โลกธรรมย่อมเกิดแก่เขา
#เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
#ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
#ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ
เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
-
ดูกรอานนท์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
#มีความโกรธและความถือตัว
บางครั้งบางคราว โลภธรรมย่อมเกิดแก่เขา
#เขาได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
#ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
#ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ฯลฯ
-
ดูกรอานนท์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
#มีความโกรธและความถือตัว
บางครั้งบางคราว วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไป
แล้ว เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ
เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
-
ดูกรอานนท์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
มีความโกรธและความถือตัว
บางครั้งบางคราว
วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
-
ดูกรอานนท์
พวกคนที่ถือประมาณ ย่อมประมาณ
เรื่องนั้นว่าธรรมของคนนี้ก็เหล่านั้นแหละ
ธรรมของคนแม้อื่นก็เหล่านั้นแหละ
เหตุไฉนบรรดาคน ๒ คนนั้น
-
คนหนึ่งเลว
คนหนึ่งดี
-
ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณ เหล่านั้น
ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
-
ดูกรอานนท์ ใน๒ คนนั้น
บุคคลใดมีความโกรธและความถือตัว
และบางครั้งบางคราว
วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
บุคคลนี้เป็นผู้ดีกว่าและประณีตกว่า
บุคคลที่กล่าวข้างต้นโน้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้
ใครเล่านอกจากตถาคตจะพึงรู้เหตุนั้น
เพราะเหตุนั้นแหละ
อานนท์ เธอทั้งหลายอย่าเป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล
และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคล
ย่อมทำลายคุณวิเศษของตน
เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้
-
ดูกรอานนท์ ก็อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเป็นพาล
ไม่ฉลาด
เป็นสตรี รู้ตัวว่าเป็นสตรี เป็นอะไร
และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร
ในญาณเครื่องกำหนดรู้
ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล
-
ดูกรอานนท์ บุคคล ๖ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
ดูกรอานนท์ บุรุษชื่อปุราณะเป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นใด
บุรุษชื่ออิสิทัตตะก็เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นนั้น
บุรุษชื่อปุราณะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้
อนึ่ง บุรุษชื่ออิสิทัตตะ เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นใด
บุรุษชื่อปุราณะก็ได้เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นนั้น
บุรุษชื่ออิสิทัตตะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่อปุราณะก็หามิได้
-
ดูกรอานนท์ คนทั้ง ๒ เลวกว่า กัน
ด้วยองคคุณคนละอย่างด้วยประการฉะนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๒
---
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๓๑๖ ข้อที่ ๓๑๕
----
http://etipitaka.com/read/thai/22/317/…
-----
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น