วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สนทนาธรรมเช้าวันพฤหัสที่ 5 พฤศจิกายน 2558



‪#‎ตายจากมนุษย์ในชาตินี้แล้ว‬.กว่าจะได้เป็นมนุษย์อีกครั้ง..รอพระพุทธเจ้าองค์ใหม่บังเกิดขึ้นในโลก..ระหว่างรอ..จะไปรอไหนกันดี..น่ากลัวแท้!!! (สองพระสูตรที่สอดรับกัน)
‪#‎มีน้อยเท่ากับเศษดินปลายพระนขา‬
[๑๗๙๒] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นไว้ในปลายพระนขา
แล้วตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ฝุ่นเล็กน้อยที่เราช้อนไว้ในปลายเล็บกับแผ่นดินใหญ่นี้
ไหนจะมากกว่ากัน?
-
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แผ่นดินใหญ่นี้แลมากกว่า
ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้
ที่ปลายพระนขามีประมาณน้อย
เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่
ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อน
ไว้ที่ปลายพระนขา ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ
หรือแม้ส่วนเสี้ยว
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
-
สัตว์ที่จุติในพวกมนุษย์แล้ว
กลับมาเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
มีมากกว่า ฯลฯ.
--
[๑๗๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
-
สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว
จะกลับมาเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว
กลับไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
มีมากกว่า ฯลฯ.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว
จะกลับมาเกิดในพวกเทวดามีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว
กลับไปเกิด
ในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย มีมากกว่า ฯลฯ.
-
[๑๗๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากเทวดาแล้ว
จะกลับมาเกิดในพวกเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ที่จุติจากเทวดาไปแล้ว
กลับไปเกิด
ในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย มีมากกว่า ฯลฯ.
[๑๗๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากเทวดาแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากเทวดาไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ.
-
[๑๗๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากนรกไปแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากนรกไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ
-
[๑๗๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากนรกไปแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากนรกไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ.
-
[๑๗๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว
กลับไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ.
-
[๑๗๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ.
-
[๑๘๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกมนุษย์ มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
ในปิตติวิสัย
มีมากกว่า ฯลฯ
-
[๑๘๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว
กลับไปเกิดในนรก
มีมากกว่า ฯลฯ.
-
[๑๘๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัย ไปแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว
กลับไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
มีมากกว่า ฯลฯ.
-
[๑๘๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว
จะกลับไปเกิดในพวกเทวดา มีน้อย
โดยที่แท้
สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปแล้ว
กลับไปเกิดในปิตติวิสัย มีมากกว่า
ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔
อริยสัจ ๔ เป็นไฉน?
คือ
ทุกขอริยสัจ
ทุกขสมุทยอริยสัจ
ทุกขนิโรธอริยสัจ
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ
เธอทั้งหลาย
พึงกระทำความเพียร
เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์
นี้ทุกขสมุทัย
นี้ทุกขนิโรธ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
-
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว
ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค
ฉะนี้แล.
จบ จักกเปยยาล
จบ สัจจสังยุต
จบ มหาวารวรรคสังยุต
------------
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๙
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
หน้าที่ ๔๖๗ ข้อที่ ๑๗๘๖ - ๑๗๘๗
หน้าที่ 467
---
http://etipitaka.com/read/thai/19/467/…
---
‪#‎โอกาสในการเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก‬
ภิกษุ ท. ! ถ้าสมมติว่า มหาปฐพีอันใหญ่หลวงนี้
มีน้ำท่วมถึงเป็นอันเดียวกันทั้งหมด;
บุรุษคนหนึ่ง ทิ้งแอก(ไม้ไผ่ ?)
ซึ่งมีรูเจาะได้เพียงรูเดียว ลงไปในน้ำนั้น;
ลมตะวันออกพัดให้ลอยไปทางทิศตะวันตก,
ลมตะวันตกพัดให้ลอยไปทางทิศตะวันออก,
ลมทิศเหนือพัดให้ลอยไปทางทิศใต้,
ลมทิศใต้พัดให้ลอยไปทางทิศเหนือ, อยู่ดังนี้
ในน้ำนั้น มีเต่าตัวหนึ่ง ตาบอด ล่วงไปร้อย ๆ ปี มันจะผุด
ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ๆ
ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนี้
ว่าอย่างไร : จะเป็นไปได้ไหม ที่เต่าตาบอด
ร้อยปีจึงจะผุดขึ้น สักครั้งหนึ่ง
จะพึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียว
ในแอกนั้น ?
“ข้อนี้ยากที่จะเป็นไปได้ พระเจ้าข้า !
ที่เต่าตาบอดนั้น ร้อยปีผุดขึ้นเพียงครั้งเดียว
จะพึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น”
ภิกษุ ท. ! ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน
ที่ใคร ๆ
‪#‎จะพึงได้ความเป็นมนุษย์‬;
ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน
‪#‎ที่ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ‬
จะเกิดขึ้นในโลก; ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน
ที่ธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองไปทั่วโลก
ภิกษุ ท. ! แต่ว่า บัดนี้ ความเป็นมนุษย์ ก็ได้แล้ว;
ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะก็บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว;
และธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว ก็รุ่งเรืองไปทั่วโลกแล้ว
ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้
พวกเธอพึงกระทำโยคกรรม เพื่อให้รู้ว่า
“นี้ ทุกข์;
นี้ เหตุให้เกิดทุกข์;
นี้ ความดับแห่งทุกข์;
นี้ หนทางให้ถึงความดับแห่งทุกข์” ดังนี้ เถิด.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๘/๑๗๔๔.
---
‪#‎ทำไมเทวดาอยากเกิดเป็นมนุษย์‬
[๒๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด
เทวดาเป็นผู้จะต้องจุติจากเทพนิกายเมื่อนั้น
นิมิตร ๕ ประการ ย่อมปรากฏแก่เทวดานั้น
คือ ดอกไม้ย่อมเหี่ยวแห้ง ๑
ผ้าย่อมเศร้าหมอง ๑
เหงื่อย่อมไหลออกจากรักแร้ ๑
ผิวพรรณเศร้าหมองย่อมปรากฏที่กาย ๑
เทวดาย่อมไม่ยินดีในทิพอาสน์ของตน ๑
-
ดูกรภิกษุทั้งหลายเทวดาทั้งหลายทราบว่า
เทพบุตรนี้จะต้องเคลื่อนจากเทพนิกาย
ย่อมพลอยยินดีกะเทพบุตรนั้นด้วยถ้อยคำ ๓ อย่างว่า
แน่ะท่านผู้เจริญ
-
ขอท่านจากเทวโลกนี้ไปสู่สุคติ ๑
ครั้นไปสู่สุคติแล้ว ขอจงได้ลาภที่ท่านได้ดีแล้ว ๑
ครั้นได้ลาภที่ท่านได้ดีแล้ว ขอจงเป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยดี ๑ ฯ
--
[๒๖๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว
ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอแลเป็นส่วนแห่งการไปสู่สุคติของเทวดาทั้งหลาย
อะไรเป็นส่วนแห่งลาภที่เทวดาทั้งหลายได้ดีแล้ว
อนึ่ง อะไรเป็นส่วนแห่งการตั้งอยู่ด้วยดีของเทวดาทั้งหลาย
พระเจ้าข้า ฯ
-
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ความเป็นมนุษย์แล
เป็นส่วนแห่งการไปสู่สุคติของเทวดาทั้งหลาย
เทวดาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
ย่อมได้ศรัทธาในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว
นี้แลเป็นส่วนแห่งลาภที่เทวดาทั้งหลายได้ดีแล้ว
ก็ศรัทธาของเทวดานั้นแล
เป็นคุณชาติตั้งลง
มีมูลเกิดแล้วประดิษฐานมั่นคง
อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม
หรือใครๆ ในโลก พึงนำไปไม่ได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แล
เป็นส่วนแห่งการตั้งอยู่ด้วยดี
ของเทวดาทั้งหลาย ฯ
-
เมื่อใด เทวดาจะต้องจุติจากเทพนิกายเพราะความสิ้นอายุเมื่อนั้น
เสียง ๓ อย่างของเทวดาทั้งหลายผู้พลอยยินดีย่อมเปล่งออกไปว่า
แน่ะท่านผู้เจริญ ท่านจากเทวโลกนี้ไปแล้วจงถึงสุคติ
จงถึงความเป็นสหายแห่งมนุษย์ทั้งหลายเถิด
ท่านเป็นมนุษย์แล้ว
จงได้ศรัทธาอย่างยิ่งในพระสัทธรรม
ศรัทธาของท่านนั้นพึงเป็นคุณชาติตั้งลงมั่น
มีมูลเกิดแล้วมั่นคงในพระสัทธรรม
ที่พระตถาคตประกาศดีแล้ว
อันใครๆพึงนำไป มิได้ตลอดชีพ
ท่านจงละกายทุจริต วจีทุจริตมโนทุจริต
และอย่ากระทำอกุศลกรรมอย่างอื่นที่ประกอบด้วยโทษ
กระทำกุศลด้วยกาย ด้วยวาจาให้มาก
กระทำกุศลด้วยใจหาประมาณมิได้
หาอุปธิมิได้
แต่นั้นท่านจงกระทำบุญอันให้เกิดสมบัตินั้นให้มาก
ด้วยทาน แล้วยังสัตว์แม้เหล่าอื่นให้ตั้งอยู่ในพระสัทธรรม
ในพรหมจรรย์ เมื่อใด
เทวดาพึงรู้แจ้งซึ่งเทวดาผู้จะจุติ
เมื่อนั้น ย่อมพลอยยินดีด้วยความ
อนุเคราะห์นี้ว่า แน่ะเทวดา ท่านจงมาบ่อยๆ ฯ
จบสูตรที่ ๔
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๕
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย
ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
หน้าที่ ๒๒๕/๔๑๘
---
https://www.youtube.com/watch?v=A26dHpWOmcw
---

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น