วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
ทบทวนพระสูตรเรื่องทาน ผู้ควรรับทักษิณาและธรรมทานเลิศกว่าอามิสทาน
😇ทบทวนพระสูตรเรื่องทาน ผู้ควรรับทักษิณาและธรรมทานเลิศกว่าอามิสทาน😇
สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2560 (อาสาฬหบูชา)
กราบขอบพระคุณคลิปยูทูป จากคุณ ป๊อก บางกรวย
https://www.youtube.com/watch?v=JpHfYRZqbQQ
ถ่ายทอดคำพระศาสดาโดย : ภิกขุโตโต้และภิกขุบอย
ณ วัดนาป่าพง ลำลูกกาคลอง 10 ปทุมธานี
💡💡💡ติดตามการเผยแผ่พุทธวจนได้ที่::
http://watnapp.com (เว็บไซต์วัดนาป่าพง)
http://faq.watnapp.com (คำถามเกี่ยวกับพุทธวจน)
http://media.watnapahpong.org (สื่อต่าง ๆ ของพุทธวจน)
http://www.buddhakos.org (มูลนิธิพุทธโฆษณ์)
https://www.youtube.com/channel/UCNFAVAcWUuCYhYtO1RM9sLA (ช่อง ยูทูป ของ คุณป๊อก บางกรวย )
คลิปเพจ + พระสูตร
https://www.facebook.com/groups/812413695492875/permalink/1595108417223395/
คลิปยูทูป
https://www.youtube.com/watch?v=TZWvakgGisw
#ภิกขุที่เป็นเนื้อนาบุญ
ธัมมัญญูสูตร
[๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ ประการ
เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก
ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ธรรม ๗ ประการเป็นไฉน
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็น
-
ธัมมัญญู รู้จักธรรม๑
อัตถัญญู รู้จักอรรถ ๑
อัตตัญญู รู้จักตน ๑
มตตัญญู รู้จักประมาณ ๑
กาลัญญู รู้จักกาล ๑
ปริสัญญู รู้จักบริษัท ๑
ปุคคลปโรปรัญญู รู้จักเลือกคบคน ๑
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นธัมมัญญูอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
-
ย่อมรู้ธรรม คือ
สุตตะ เคยยะ ไวยากรณะ คาถา อุทาน
อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธรรม เวทัลละ
-
หากภิกษุไม่พึงรู้จักธรรม คือ
สุตตะ ... เวทัลละ
เราก็ไม่พึงเรียกว่าเป็นธัมมัญญู
แต่เพราะภิกษุรู้ธรรม คือ
สุตตะ ... เวทัลละ
ฉะนั้นเราจึงเรียกว่าเป็น
ธัมมัญญู ด้วยประการฉะนี้ ฯ
-
ก็ภิกษุเป็น
อัตถัญญูอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมรู้จักเนื้อความแห่งภาษิตนั้นๆ
ว่า นี้เป็นเนื้อความแห่งภาษิตนี้ๆ
หากภิกษุไม่พึงรู้เนื้อความแห่งภาษิตนั้นๆ ว่า
นี้เป็นเนื้อความแห่งภาษิตนี้ๆ
เราก็ไม่พึงเรียกว่าเป็นอัตถัญญู
แต่เพราะภิกษุรู้เนื้อความแห่งภาษิตนั้นๆ ว่า
นี้เป็นเนื้อความแห่งภาษิตนี้ๆ ฉะนั้น
เราจึงเรียกว่าเป็น
อัตถัญญู
ภิกษุเป็นธัมมัญญู อัตถัญญู
ด้วยประการฉะนี้ ฯ
-
ก็ภิกษุเป็น
อัตตัญญูอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมรู้จักตนว่า
-
เราเป็นผู้มี
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ปฏิภาณ
เพียงเท่านี้
ถ้าภิกษุไม่พึงรู้จักตนว่า เราเป็นผู้มี
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ปฏิภาณ
เพียงเท่านี้เราก็ไม่พึงเรียกว่าเป็นอัตตัญญู
แต่เพราะภิกษุรู้จักตนว่า เราเป็นผู้มี
-
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ปฏิภาณ
เพียงเท่านี้ ฉะนั้น เราจึงเรียกว่าเป็น
อัตตัญญูภิกษุเป็นธัมมัญญู อัตถัญญู อัตตัญญู
ด้วยประการฉะนี้ ฯ
-
ก็ภิกษุเป็น
มัตตัญญูอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้
รู้จักประมาณในการรับจีวร บิณฑบาต
เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร
หากภิกษุไม่พึงรู้จักประมาณในการรับจีวร
บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร
เราก็ไม่พึงเรียกว่าเป็นมัตตัญญู
แต่เพราะภิกษุรู้จัก
-
ประมาณในการรับจีวร บิณฑบาตเสนาสนะ
และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ฉะนั้น เราจึงเรียกว่าเป็น
มัตตัญญู
ภิกษุเป็นธัมมัญญู อัตถัญญู อัตตัญญู มัตตัญญู
ด้วยประการฉะนี้ ฯ
-
ก็ภิกษุเป็น
กาลัญญูอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้จักกาลว่า
นี้เป็นกาลเรียน
นี้เป็นกาลสอบถาม
นี้เป็นกาลประกอบความเพียร
นี้เป็นกาลหลีกออกเร้น
-
หากภิกษุไม่พึงรู้จักกาลว่า
นี้เป็นกาลเรียน
นี้เป็นกาลสอบถาม
นี้เป็นกาลประกอบความเพียร
นี้เป็นกาลหลีกออกเร้น
-
เราไม่พึงเรียกว่าเป็น
กาลัญญู แต่เพราะ
-
ภิกษุรู้จักกาลว่า
-นี้เป็นกาลเรียน
-นี้เป็นกาลสอบถาม
-นี้เป็นกาลประกอบความเพียร
-นี้เป็นกาลหลีกออกเร้น
-
ฉะนั้น เราจึงเรียกว่าเป็น
กาลัญญู
ภิกษุเป็นธัมมัญญู อัตถัญญู อัตตัญญู มัตตัญญู กาลัญญู
ด้วยประการฉะนี้ ฯ
-
ก็ภิกษุเป็นปริสัญญูอย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมรู้จักบริษัทว่า
-
นี้บริษัทกษัตริย์
นี้บริษัทคฤหบดี
นี้บริษัทสมณะ
-
ในบริษัทนั้น
เรา
-
พึงเข้าไปหาอย่างนี้
พึงยืนอย่างนี้
พึงทำอย่างนี้
พึงนั่งอย่างนี้
พึงนิ่งอย่างนี้
-
หากภิกษุไม่รู้จักบริษัทว่า
นี้บริษัทกษัตริย์ ...
พึงนิ่งอย่างนี้
เราก็ไม่พึงเรียกว่าเป็นปริสัญญู
แต่เพราะภิกษุรู้จักบริษัทว่า
-
นี้บริษัทกษัตริย์ ... พึงนิ่ง อย่างนี้ ฉะนั้น
เราจึงเรียกว่าเป็น
ปริสัญญู
ภิกษุเป็นธัมมัญญู อัตถัญญู อัตตัญญู มัตตัญญู
กาลัญญูปริสัญญู ด้วยประการฉะนี้ ฯ
-
ก็ภิกษุเป็น
ปุคคลปโรปรัญญูอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้รู้จักบุคคลโดยส่วน ๒
คือ บุคคล ๒ จำพวก คือ
-
พวกหนึ่งต้องการเห็นพระอริยะ พวกหนึ่งไม่ต้องการเห็นพระอริยะ
บุคคลที่ไม่ต้องการเห็นพระอริยะ
พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะพึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
-
บุคคลที่ต้องการเห็นพระอริยะก็มี ๒ จำพวก คือ
พวกหนึ่งต้องการจะฟังสัทธรรม
พวกหนึ่งไม่ต้องการฟังสัทธรรม
บุคคลที่ไม่ต้องการฟังสัทธรรม
พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่ต้องการฟังสัทธรรม พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
-
บุคคลที่ต้องการฟังสัทธรรมก็มี ๒ จำพวก คือ
พวกหนึ่งตั้งใจฟังธรรม พวกหนึ่งไม่ตั้งใจฟังธรรม
บุคคลที่ไม่ตั้งใจฟังธรรม พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่ตั้งใจฟังธรรม พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
-
บุคคลที่ตั้งใจฟังธรรมก็มี ๒ จำพวก คือ
พวกหนึ่งฟังแล้วทรงจำธรรมไว้
พวกหนึ่งฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้
บุคคลที่ฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้ พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
-
บุคคลที่ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ก็มี ๒ จำพวก คือ
พวกหนึ่งพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้
พวกหนึ่งไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม ที่ทรงจำไว้
บุคคลที่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้
พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้
พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
-
บุคคลที่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ก็มี ๒ จำพวก คือ
พวกหนึ่งรู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
พวกหนึ่งหารู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่
บุคคลที่หารู้อรรถรู้ธรรมปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่
พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
พึงได้รับความสรรเสริญ ด้วยเหตุนั้นๆ
-
บุคคลที่รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ก็มี ๒ จำพวก คือ
พวกหนึ่งปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตน
ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
พวกหนึ่งปฏิบัติทั้งเพื่อประโยชน์ตนและเพื่อประโยชน์ผู้อื่น
บุคคลที่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น
พึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้นๆ
บุคคลที่ปฏิบัติทั้งเพื่อประโยชน์ตนและเพื่อประโยชน์ผู้อื่น
พึงได้รับความสรรเสริญด้วยเหตุนั้นๆ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้รู้จักบุคคลโดยส่วน ๒ ฉะนี้แล
ภิกษุเป็นบุคคลปโรปรัญญูอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๗ ประการนี้แล
เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ
เป็นนาบุญของโลก
ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
จบสูตรที่ ๔
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๓
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
หน้าที่ ๙๑/๓๗๙ ข้อที่ ๖๕
http://etipitaka.com/read?keywords=สติ+ทหารยาม&language=thai&number=90&volume=23#
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น