วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

อาจารย์สอนอภิธรรม แชร์ประสบการณ์ ๑๕ ปีที่เดินทางผิด หันมาเดินตามคำสอนพระ...



***อาจารย์สอนอภิธรรม แชร์ประสบการณ์ ๑๕ ปีที่เดินทางผิด หันมาเดินตามคำสอนพระศาสดา***

***********************************

https://www.youtube.com/watch?v=fRIBDf2UCzM

‪#‎อภิธรรม‬

‪#‎โพธิปักขิยธรรม๓๗ประการ‬

สติปัฏฐาน ๔

สัมมัปปทาน ๔

อิทธิบาท ๔

อินทรีย์ ๕

พละ๕

โพชฌงค์ ๗

อริยมรรคมีองค์ ๘

*********************************

โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ

*********************

ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าใดที่เราแสดงแล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง

ธรรมเหล่านั้น พวกเธอทั้งหลาย พึงรับเอาให้ดี

พึงเสพให้ทั่วถึง พึงอบรม กระทำให้มาก

โดยอาการที่พรหมจรรย์นี้

จักมั่นคง ดำรงอยู่ได้ ตลอดกาลนาน.

-

ข้อนั้น จักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่คนเป็นอันมาก

เพื่อความสุขแก่คนเป็นอันมาก

เพื่ออนุเคราะห์โลก,

และเพื่อประโยชน์เกื้อกูล

เพื่อความสุขทั้งแก่เทวดาแลมนุษย์ทั้งหลาย.

-

ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมเหล่าไหนเล่า ที่เราแสดงด้วยปัญญาอันยิ่ง?

ธรรมเหล่านั้นได้แก่

สติปัฏฐาน ๔

สัมมัปปธาน ๔

อิทธิบาท ๔

อินทรีย์ ๕

พละ ๕

โพชฌงค์ ๗

อริยมรรคมีองค์ ๘.

ภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมเหล่านี้แล

ที่เราแสดงแล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง

เป็นสิ่งที่พวกเธอทั้งหลาย

พึงรับเอาให้ดี พึงเสพให้ทั่วถึง พึงอบรม

กระทำให้มากโดยอาการที่พรหมจรรย์นี้

จักมั่นคง ดำรงอยู่ได้ ตลอดกาลนาน.

-

ข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่คนเป็นอันมาก

เพื่อความสุขแก่คนเป็นอันมาก

เพื่ออนุเคราะห์โลก,

และเพื่อประโยชน์เกื้อกูล

เพื่อความสุข ทั้งแก่เทวดาแลมนุษย์ทั้งหลาย.

*****************************

โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ มีรายละเอียดดังนี้

***สติปัฏฐาน ๔

๑.กาย

๒.เวทนา

๓.จิต

๔.ธรรม

*****************************

***สัมมัปปธาน ๔

๑.สังวรปธาน คือ เพียรเพื่อไม่ให้อกุศลธรรม (ที่ยังไม่เกิด)

เกิดขึ้น

๒.ปหานปธาน คือ เพียรเพื่อละอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว

๓.ภาวนาปธาน คือ เพียรเพื่อให้กุศลธรรม (ที่ยังไม่เกิด) เกิดขึ้น

๔.อนุรักขนาปธาน คือ เพียรเพื่อความเจริญ มั่นคง บริบูรณ์ของกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว

*****************************

***อิทธิบาท ๔

๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น

๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น

๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น

๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

*****************************

***อินทรีย์ ๕

๑. สัทธินทรีย์ คือ ความศรัทธาเป็นใหญ่ในอารมณ์ เป็นศรัทธา

อันแรงกล้าในจิตใจ ซึ่งอกุศลไม่อาจทำให้ศรัทธานั้นเสื่อมคลายได้

๒. วิริยินทรีย์ มีความเพียรเป็นใหญ่ และต้องเป็นความเพียรที่บริบูรณ์ด้วยองค์ 4 แห่งสัมมัปปธาน

๓. สตินทรีย์ สติที่ระลึกรู้ในอารมณ์ปัจจุบัน อันเกิดจาก

สติปัฏฐาน 4

๔. สมาธินทรีย์ การทำจิตให้เป็นสมาธิตั้งมั่นจดจ่ออยู่ในอารมณ์กรรมฐาน ไม่ฟุ้งซ่าน

๕. ปัญญินทรีย์ ปัญญาทำหน้าที่เป็นใหญ่ด้วยการรู้แจ้งเห็นจริงว่าขันธ์ 5 เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

*****************************

***พละ ๕

๑. ศรัทธาพละ ไม่หวั่นไหวต่อความไม่มีศรัทธา

๒. วิริยพละ ไม่หวั่นไหวต่อความเกียจคร้าน

๓. สติพละ ไม่หวั่นไหวต่อการหลงลืมสติ

๔. สมาธิพละ ไม่หวั่นไหวต่อความฟุ้งซ่าน

๕. ปัญญาพละ ไม่หวั่นไหวต่อความไม่รู้

*****************************

***โพชฌงค์ ๗

สติ ความระลึกได้

ธรรมวิจยะ การวินิจฉัยธรรม

วิริยะ ความเพียร

ปีติ ความอิ่มใจ

ปัสสัทธิ ความสงบ

สมาธิ จิตตั้งมั่น

อุเบกขา ความวางเฉย

*****************************

***อริยมรรคมีองค์ ๘

๑. สัมมาทิฐิ : ปัญญาอันเห็นชอบ คือเห็นอริยสัจ ๔

(คือเห็นว่า ความเกิดเป็นทุกข์

ความแก่และความตายเป็นทุกข์

การพลัดพรากสิ่งที่รักประสบสิ่งที่ไม่รัก

ปรารถนาสิ่งใดไม่สมหวังสิ่งเหล่านี้ก็เป็นทุกข์

การเอาชนะความคิดดีหรือชั่ว

ไม่ได้ปัดให้ออกจากตัวทันทีไม่ได้ก็เป็นทุกข์)

๒. สัมมาสังกัปปะ : ความดำริชอบ คือคิดออกจากกาม

ไม่คิดพยาบาท และคิดที่จะไม่เบียดเบียนใคร

๓. สัมมาวาจา : วาจาชอบ คือ ไม่พูดเท็จ

ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ

๔. สัมมากัมมันตะ : กระทำชอบ คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์

เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม

๕. สัมมาอาชีวะ :เลี้ยงชีวิตชอบ คือ การประกอบอาชีพแต่ในทางสุจริต

ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลธรรม ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

ไม่ผิดจากหน้าที่อันควร

๖. สัมมาวายามะ : ความเพียรชอบ คือ เพียรในที่ ๔ สถาน

(พยายามละอกุศลที่ยังไม่ได้ละ…

อันไหนที่ละได้แล้วก็พยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก

พยายาทำให้กุศลเกิดขึ้น…

อันไหนที่มีเกิดขึ้นแล้วก็พยายามทำให้เจริญยิ่ง ขึ้น)

๗. สัมมาสติ : ระลึกชอบ คือ ระลึกในสติปัฏฐาน ๔…

กาย เวทนา จิต ธรรม

(พยายามให้มีสติอยู่กับตัวเสมอ

พยายามที่จะฝึกในแง่ที่จะทำให้กิเลสเบาบางลง)

๘. สัมมาสมาธิ : สมาธิชอบ (ตั้งใจมั่นชอบ) คือ เจริญฌานทั้ง ๔

(หมายถึงการเข้าสมาธิที่เป็นไปเพื่อละนิวรณ์โดยตรง

คือตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป)

*****************************

[๔๔] พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นอันว่าพวกเธอมีความดำริ

ในเราอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคผู้อนุเคราะห์

แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล

อาศัยความอนุเคราะห์แสดงธรรม

เพราะฉะนั้นแล

ธรรมเหล่าใด อันเราแสดงแล้วแก่เธอทั้งหลายด้วยความรู้ยิ่ง

คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕

พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘

เธอทั้งปวงพึงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน

ยินดีต่อกัน ไม่วิวาทกัน ศึกษาอยู่ในธรรมเหล่านั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ก็เมื่อพวกเธอนั้นพร้อมเพรียงกัน

ยินดีต่อกัน ไม่วิวาทกัน ศึกษาอยู่ จะพึงมีภิกษุผู้กล่าวต่างกัน

ในธรรมอันยิ่ง เป็นสองรูป ฯ

พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๔

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น