วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

พุทธวจน faq จิตของพระอรหันต์ยังมี ราคะ โทสะ โมหะ หรือไม่



***พระอรหันต์รู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองทุกขณะจิตแต่ไม่ทุกข์***

*****************************************************************

‪#‎สิ่งที่พระศาสดาถือว่าเป็นความอัศจรรย์‬

‪#‎สมาธิภาวนาที่เป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ‬

(เวทนา สัญญา วิตก เป็นของแจ่มแจ้ง ..เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)

--

#สิ่งที่พระศาสดาถือว่าเป็นความอัศจรรย์

อานนท์ ! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้

เธอพึงจำสิ่งอันน่าอัศจรรย์ไม่เคยมีมาแต่ก่อนของตถาคต ข้อนี้ไว้.

อานนท์ ! ในกรณีนี้คือ :-

‪#‎เวทนา‬ เป็นของแจ่มแจ้งแก่ตถาคตแล้วจึงเกิดขึ้น แล้วจึงตั้งอยู่ แล้วจึงดับไป

‪#‎สัญญา‬ เป็นของแจ่มแจ้งแก่ตถาคตแล้วจึงเกิดขึ้น แล้วจึงตั้งอยู่ แล้วจึงดับไป

‪#‎วิตก‬ เป็นของแจ่มแจ้งแก่ตถาคตแล้วจึงเกิดขึ้น แล้วจึงตั้งอยู่ แล้วจึงดับไป

อานนท์ ! เธอจงทรงจำสิ่งอันน่าอัศจรรย์ไม่เคย

มีมาแต่ก่อนของตถาคตข้อนี้แล.

อุปริ. ม. ๑๔/๒๕๔/๓๗๙.

---

#สมาธิภาวนาที่เป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ

ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาที่ภิกษุอบรมแล้ว

ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ เป็นไฉน

ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย

‪#‎เวทนาทั้งหลาย‬ อันภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ รู้แจ้งแล้ว

ย่อมบังเกิดขึ้น ย่อมตั้งอยู่ ย่อมถึงความดับ

‪#‎สัญญาทั้งหลาย‬ อันภิกษุในพระธรรมวินัยนี้รู้แจ้งแล้ว

ย่อมบังเกิดขึ้น ย่อมตั้งอยู่ย่อมถึงความดับ

‪#‎วิตกทั้งหลาย‬ อันภิกษุในพระธรรมวินัยนี้รู้แจ้งแล้ว

ย่อมบังเกิดขึ้นย่อมตั้งอยู่ ย่อมถึงความดับ ฯ

ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย

สมาธิภาวนานี้อันภิกษุอบรมแล้ว

ทำให้มากแล้ว

ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ ฯ

--

พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๑

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

หน้าที่ ๑๗๘/๒๘๘ ข้อที่ ๒๓๓

--

http://etipitaka.com/read…

--

#ผู้ที่อยู่ด้วยเครื่องอยู่แบบพระอริยเจ้า

 
ภิกษุท. ! (๙) ภิกษุเป็นผู้มีจิตหลุดพ้นด้วยดีเป็นอย่างไรเล่า ?



       ภิกษุท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากราคะจากโทสะจากโมหะ.



       ภิกษุท. ! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีจิตหลุดพ้นด้วยดี.




ภิกษุท. ! (๑๐) ภิกษุเป็นผู้มีปัญญาในความหลุดพ้นด้วยดีเป็นอย่างไรเล่า ?



       ภิกษุท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมรู้ชัดว่า “เราละราคะโทสะโมหะเสียแล้ว



        ถอนขึ้นได้กระทั่งรากทำให้เหมือนตาลยอดเน่าไม่ให้มีไม่ให้เกิดได้อีกต่อไป” ดังนี้.



ภิกษุท. ! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญาในความหลุดพ้นด้วยดี.








ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์หน้า๒๗๐



(ไทย) จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๗/๒๘.

http://etipitaka.com/read/thai/21/27/

--

#หลักทดสอบตัวเองว่าเป็นพระอรหันต์หรือไม่

ภิกษุท.! หลักเกณฑ์นั้นมีอยู่ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้วไม่ต้อง



       อาศัยความเชื่อความชอบใจการฟังตามๆกันมาการตริตรึกไปตามอาการ



       การเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลยก็อาจพยากรณ์การบรรลุอรหัตตผล



       ของตนได้โดยรู้ชัดว่า "ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำ



       ได้ทำสำเร็จแล้วกิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก" ดังนี้.








ภิกษุท.! หลักเกณฑ์นั้นเป็นอย่างไรเล่า?



       ภิกษุท.! ภิกษุในกรณีนี้เห็นรูปด้วยตาแล้วรู้ชัดราคะโทสะโมหะ



       ซึ่งเกิดมีอยู่ในภายในว่าเกิดมีอยู่ในภายใน, รู้ชัดราคะโทสะโมหะอันไม่เกิดมีอยู่ใน



       ภายในว่าไม่เกิดมีอยู่ในภายใน.







ภิกษุท.! เมื่อเธอรู้ชัดอยู่อย่างนี้แล้ว ยังจำเป็นอยู่อีกหรือที่จะต้องรู้ธรรมทั้งหลายด้วยอาศัยความเชื่อความชอบใจการฟังตามๆกันมาการตริตรึกไปตามอาการการเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตน ?



"ข้อนั้นหามิได้พระเจ้าข้า !"



ภิกษุท .! ธรรมทั้งหลายเป็นสิ่งที่ต้องเห็นด้วยปัญญาแล้วจึงรู้มิใช่หรือ ?



"ข้อนั้นเป็นอย่างนั้นพระเจ้าข้า !"



"
ภิกษุท! นี่แหละหลักเกณฑ์ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้วไม่ต้อง



       อาศัยความเชื่อความชอบใจการฟังตามๆกันมาการตริตรึกไปตามอาการ



       การเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลยก็อาจพยากรณ์การบรรลุอรหัตตผล



       ของตนได้โดยรู้ชัดว่า "ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำได้ทำ



       สำเร็จแล้วกิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก" ดังนี้.








(ไทย)สฬา. สํ. ๑๘/๑๔๒-๑๔๔/๒๓๙-๒๔๒:

--

http://etipitaka.com/read/thai/18/142/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น