วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

พอจ เมตตาอธิบายมารผู้มีบาปหรือมารของพระศาสดาหมายถึงอะไร



#มารของพระศาสดาคือ  ความตาย  ขันธ์๕ อกุศลในจิต  มารมีหลายนัยยะ

https://www.youtube.com/watch?v=GKcveIFg9IQ&feature=share

พุทธวจน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ก็ที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไม่ถึง เป็นอย่างไร ?

พุทธวจน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ก็ที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไม่ถึง

เป็นอย่างไร ?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม

สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌานมีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุข

เกิดแต่วิเวกอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้ ! เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุบรรลุทุติยฌาน

มีความผ่องใสแห่งจิตภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็น

ของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุมีอุเบกขา

มีสติสัมปชัญญะเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน

ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุได้บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อากาศหาที่สุดมิได้อยู่ เพราะเพิกรูปสัญญาเสียทั้งสิ้น เพราะปฏิฆสัญญาไม่ตั้งอยู่เพราะไม่มีมนสิการนานัตตสัญญาอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอดคือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมาร

ผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้อยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือภิกษุล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อะไรหน่อยหนึ่งไม่มีอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมาร

ผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือภิกษุล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ก็และเพราะเห็นด้วยปัญญา เธอย่อมมีอาสวะสิ้นไป.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม เป็นผู้ข้ามพ้นตัณหาอันข้องอยู่ในอารมณ์ต่างๆในโลกเสียได้.

พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีความยินดีชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.

จบ นิวาปสูตร ที่ ๕

----------------------------------------

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๒สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ หน้าที่ ๒๑๗ข้อที่ ๓๑๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม

สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌานมีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุข

เกิดแต่วิเวกอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้ ! เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุบรรลุทุติยฌาน

มีความผ่องใสแห่งจิตภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็น

ของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุมีอุเบกขา

มีสติสัมปชัญญะเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน

ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุได้บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อากาศหาที่สุดมิได้อยู่ เพราะเพิกรูปสัญญาเสียทั้งสิ้น เพราะปฏิฆสัญญาไม่ตั้งอยู่เพราะไม่มีมนสิการนานัตตสัญญาอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอดคือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมาร

ผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้อยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือภิกษุล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อะไรหน่อยหนึ่งไม่มีอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมาร

ผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ยังอีกข้อหนึ่ง คือภิกษุล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ก็และเพราะเห็นด้วยปัญญา เธอย่อมมีอาสวะสิ้นไป.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด

คือทำลายจักษุของมารให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม เป็นผู้ข้ามพ้นตัณหาอันข้องอยู่ในอารมณ์ต่างๆในโลกเสียได้.

พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีความยินดีชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.

จบ นิวาปสูตร ที่ ๕

----------------------------------------

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๒สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ หน้าที่ ๒๑๗ข้อที่ ๓๑๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น