วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558
ปรินิพพานเป็นอย่างไรเล่า
#พระอริยบุคคลมีหลายระดับ ( ๕ พระสูตร..ที่สอดรับกัน...)
ถ่ายทอดคำพระศาสดาโดย : พอจ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
จัดทำคลิปโดย :Hotpotoffroad Chiangmai
https://www.youtube.com/watch?v=w9zrkbpqSRM&feature=share
#เพราะอินทรีย์ยิ่งหย่อนกว่ากัน
ภิกษุทั้งหลาย ! อินทรีย์ทั้งหลาย ๕ ประการเหล่านี้ มีอยู่.
ห้าประการ อย่างไรเล่า ?
ห้าประการคือ
สัทธินทรีย์
วิริยินทรีย์
สตินทรีย์
สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์.
ภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แล อินทรีย์ห้าประการ.
-
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะความเพียบพร้อมบริบูรณ์
แห่งอินทรีย์ห้าประการเหล่านี้แล ผู้ปฏิบัติย่อมเป็นพระอรหันต์.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้น
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อันตราปรินิพพายี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อุปหัจจปรินิพพายี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อสังขารปรินิพพายี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สสังขารปรินิพพายี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น อุทธํโสโตอกนิฏฐคามี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สกทาคามี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น เอกพีชี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น โกลังโกละ.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สัตตักขัตตุปรมะ.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น ธัมมานุสารี.
-
เพราะอินทรีย์ทั้งหลายหย่อนกว่านั้นอีก
ผู้ปฏิบัติย่อมเป็น สัทธานุสารี.
-
.... (๑๙/๒๖๗/๘๘๕) :
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนี้แล ความต่างแห่งผลย่อมมี
เพราะความต่างแห่งอินทรีย์ ;
เพราะความต่างแห่งผล
จึงมีความต่างแห่งบุคคล แล.
.... (๑๙/๒๖๗/๘๘๗) :
ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยเหตุอย่างนี้แล เป็นอันว่า ผู้กระทำให้บริบูรณ์
ย่อมทำให้สำเร็จได้บริบูรณ์ ;
ผู้กระทำได้เพียงบางส่วน ก็ทำให้สำเร็จได้บางส่วน.
ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวว่าอินทรีย์ทั้งหลายห้า
ย่อมไม่เป็นหมันเลย ดังนี้แล.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น หน้า ๖๘๗
(บาลี) มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๗๑/๘๙๙-๙๐๐
--
#อนาคามี ๕ จำพวก
พระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี ๑
พระอนาคามีผู้อุปหัจจปรินิพพายี ๑
พระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายี ๑
พระอนาคามีผู้สสังขารปรินิพพายี ๑
พระอนาคามีผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ๑
ประมาณนาทีที่ 1.00.55 https://www.youtube.com/watch?v=f7-tnESegNg
ปุริสคติสูตร
[๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปุริสคติ ๗ ประการ
และอนุปาทาปรินิพพาน
เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟัง
จงใส่ใจให้ดีเราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูล
รับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปุริสคติ๗ ประการเป็นไฉน
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้
คือ ได้ความวางเฉยว่า
ถ้ากรรมในอดีตไม่ได้มีแล้วไซร้ อัตตภาพในปัจจุบันก็ไม่พึงมีแก่เรา
ถ้ากรรมในปัจจุบันไม่มีไซร้ อัตตภาพในอนาคตก็จักไม่มีแก่เรา
เบญจขันธ์ที่กำลังเป็นอยู่ ที่เป็นมาแล้ว เราย่อมละได้
เธอย่อมไม่กำหนัดในเบญจขันธ์อันเป็นอดีต
ไม่ข้องในเบญจขันธ์อันเป็นอนาคต
ย่อมพิจารณาเห็นบทอันสงบระงับอย่างยิ่งซึ่งมีอยู่ ด้วยปัญญาอันชอบ
ก็บทนั้นแล ภิกษุนั้นยังทำให้แจ้งไม่ได้โดยอาการทั้งปวง
อนุสัยคือมานะ อนุสัยคือภวราคะ อนุสัยคืออวิชชา
เธอก็ยังละไม่ได้โดยอาการทั้งปวง
-
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
ภิกษุนั้นย่อมปรินิพพานในระหว่าง
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้
คือ ได้ความวางเฉยว่า
ถ้ากรรมในอดีตไม่มีแล้วไซร้ ... เบญจขันธ์ที่กำลังเป็นอยู่
ที่เป็นมาแล้ว เราย่อมละได้
เธอย่อมไม่กำหนัดในเบญจขันธ์ อันเป็นอดีต ...
ย่อมพิจารณาเห็นบทอันสงบระงับอย่างยิ่งซึ่งมีอยู่
ด้วยปัญญาอันชอบ ก็บทนั้นแล
ภิกษุนั้นยังทำให้แจ้งไม่ได้โดยอาการทั้งปวง
อนุสัยคือมานะ ...อนุสัยคืออวิชชา
เธอก็ยังละไม่ได้โดยอาการทั้งปวง
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์๕ สิ้นไป
เธอย่อมปรินิพพานในระหว่าง
เปรียบเหมือนเมื่อนายช่างตีแผ่นเหล็ก
ที่ถูกเผาอยู่ตลอดวัน สะเก็ดร่อนออกแล้วดับไป ฉะนั้น ฯ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ฯลฯ
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
เธอย่อมปรินิพพานในระหว่าง
เปรียบเหมือนเมื่อนายช่างตีแผ่นเหล็กที่ถูกเผาอยู่ตลอดวัน
สะเก็ดร่อนลอยขึ้นไป ตกยังไม่ถึงพื้นก็ดับ ฉะนั้น ฯ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ฯลฯ
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
เธอย่อมปรินิพพานในเมื่ออายุเลยกึ่ง
เปรียบเหมือนเมื่อนายช่างตีแผ่นเหล็กที่ถูกเผาอยู่ตลอดวัน
สะเก็ดร่อนลอยขึ้นไป ตกถึงพื้นแล้วก็ดับ ฉะนั้น ฯ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ฯลฯ
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
เธอย่อมปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรนัก
เปรียบเหมือนเมื่อนายช่างตีแผ่นเหล็กที่ถูกเผาอยู่ตลอดวัน
สะเก็ดร่อนขึ้นไปแล้วตกลงที่กองหญ้า
หรือกองไม้เล็กๆ สะเก็ดนั้นพึงให้ไฟและควันเกิดขึ้นได้ที่หญ้า
หรือกองไม้เล็กๆ นั้น ครั้นให้เกิดไฟและควัน
เผากองหญ้าหรือกองไม้เล็กๆ
นั้นให้หมดไป ไม่มีเชื้อแล้วก็ดับ ฉะนั้น ฯ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ฯลฯ
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
เธอย่อมปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง
เปรียบเหมือนเมื่อนายช่างตีแผ่นเหล็กที่ถูกเผาอยู่ตลอดวัน
สะเก็ดร่อนลอยขึ้นไป แล้วพึงตกลงที่กองหญ้า
หรือกองไม้ย่อมๆ สะเก็ดนั้นพึงให้เกิดไฟ
และควันที่กองหญ้าหรือกองไม้ย่อมๆ นั้น
ครั้นให้เกิดไฟและควันแล้ว เผากองหญ้าหรือกอง
ไม้ย่อมๆ นั้นให้หมดไป ไม่มีเชื้อแล้วดับ ฉะนั้น ฯ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้ ฯลฯ
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
-
เธอเป็นผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ
เปรียบเหมือนนายช่างตีแผ่นเหล็กที่ถูกเผาอยู่ตลอดวัน
สะเก็ดร่อนลอยขึ้นไปแล้วพึงตกลงที่กองหญ้า
หรือกองไม้ใหญ่ๆ ครั้นให้เกิดไฟและควันแล้ว
เผากองหญ้าหรือกองไม้ใหญ่ๆ นั้นให้หมดไป
แล้วพึงลามไปไหม้ไม้กอและป่าไม้
ครั้นไหม้ไม้กอและป่าไม้แล้ว
ลามมาถึงที่สุดหญ้าเขียว ที่สุดภูเขาที่สุดชายน้ำ
หรือภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ หมดเชื้อแล้วก็ดับ ฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ปุริสคติ๗ ประการนี้แล ฯ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนอนุปาทาปรินิพพานเป็นอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ปฏิบัติอย่างนี้ คือ
ย่อมได้ความวางเฉยว่า
ถ้ากรรมในอดีตไม่ได้มีแล้วไซร้ อัตตภาพในปัจจุบันก็ไม่พึงมีแก่เรา
ถ้ากรรมในปัจจุบันย่อมไม่มีไซร้ อัตตภาพในอนาคตก็จักไม่มีแก่เรา
เบญจขันธ์ที่กำลังเป็นอยู่ ที่เป็นมาแล้วเราย่อมละได้
เธอย่อมไม่กำหนัดในเบญจขันธ์อันเป็นอดีต
ไม่ข้องอยู่ในเบญจขันธ์อันเป็นอนาคต
ย่อมพิจารณาเห็นบทอันสงบระงับอย่างยิ่งด้วยปัญญาอันชอบ
ก็บทนั้นแล อันภิกษุนั้นทำให้แจ้งแล้ว โดยอาการทั้งปวง
อนุสัยคือมานะ ... อนุสัยคืออวิชชา เธอยังละ ไม่ได้โดยอาการทั้งปวง
-
เธอย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ
อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า
อนุปาทาปรินิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุริสคติ ๗ ประการนี้
และอนุปาทาปรินิพพาน ฯ
จบสูตรที่ ๒
-
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๓
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
หน้าที่ ๖๒ ข้อที่ ๕๒
-
-อ่านพุทธวจน เพิ่มเติมจาก โปรแกรม E-Tipitaka ;
link ; http://etipitaka.com/read/thai/23/62/…
--
พระศาสดาทรงอุปมา
เมล็ดพืช เปรียบเหมือน วิญญาณ
ผืนนา เปรียบเหมือนภพ
น้ำเปรียบเหมือนนันทิและราคะ
เมื่อเมล็ดพืชตกลงไปบนผืนนา
เปรียบเหมือนวิญญาณเข้าไปตั้งอาศัยในภพ
เมล็ดพืชย่อมถึงความเจริญงอกงามได้ด้วยน้ำ
เปรียบเหมือนวิญญาณเจริญงอกงามไพบูลย์ได้
ด้วยความกำหนัดและความเพลิน
--
(พระอนาคามีผู้อสังขารปรินิพพายี ๑
พระอนาคามีผู้สสังขารปรินิพพายี ๑ )
#ปฏิปทาของการสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ปฏิปทา ๔ ประการ
เหล่านี้ มีอยู่ ; คือ :-
ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑,
ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑,
ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑,
ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑.
แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลช้า
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็น
ความไม่งามในกาย มีสัญญาว่า ปฏิกูลในอาหาร มี
สัญญาในโลกทั้งปวง โดยความเป็นของไม่น่ายินดี
เป็นผู้มีปกติ ตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน.
ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรม เป็นกำลังของพระ
เสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ
โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ ; แต่ อินทรีย์ ๕
ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์
ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน
ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะ
ได้ช้า :
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า.
แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลเร็ว
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็น
ความไม่งามในกาย มีสัญญาว่า ปฏิกูลในอาหาร มี
สัญญาในโลกทั้งปวง โดยความเป็นของไม่น่ายินดี
เป็นผู้มีปกติ ตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน.
ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรม เป็นกำลังของพระ
เสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ
โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ ;
แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น
ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง (แก่กล้า) คือ สัทธินทรีย์
วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง ภิกษุ
นั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะได้เร็ว :
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว.
แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลช้า
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจาก
กามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน
ทุติยฌาน... ตติยฌาน... จตุตถฌาน (มีรายละเอียด
ดังที่แสดงแล้วในที่ทั่วไป) แล้วแลอยู่.
ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรม เป็นกำลังของพระ
เสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ
โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ ;
แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น
ปรากฏว่าอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์
สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้า
เหล่านี้ ยังอ่อน ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อ
ความสิ้นอาสวะได้ช้า :
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า.
แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลเร็ว
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจาก
กามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน
ทุติยฌาน... ตติยฌาน... จตุตถฌาน ... แล้วแลอยู่.
ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรม เป็นกำลังของพระ
เสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ
โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ ;
แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น
ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์
สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่
อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง ภิกษุนั้นจึง บรรลุ
อนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะได้เร็ว :
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เหล่านี้แล ปฏิปทา ๔ ประการ.
จตุกฺก. อํ. ๒๑ / ๒๐๒ / ๑๖๓.
--
ตลอดวัฏฏสงสารของพระองค์
ไม่เคยทรงบังเกิด ในชั้นสุทธาวาส
-
สารีบุตร ! สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีถ้อยคำมีความเห็นว่า
“ความบริสุทธิ์ มีได้เพราะการท่องเที่ยวในสังสารวัฏ”.
สารีบุตร ! ก็สังสารวัฏที่เรา
ไม่เคยท่องเที่ยวมาแล้วแต่หลัง
ตลอดกาลยืดยาวนานนั้น หาได้ไม่ง่ายเลย,
เว้นเสียแต่ในหมู่เทพชั้นสุทธาวาส.
-
สารีบุตร ! ถ้าเราท่องเที่ยวไปในหมู่เทพเหล่าสุทธาวาส,
ก็จะไม่พึงมาสู่โลกนี้ได้เลย. (ย่อมปรินิพพานในภพนั้น).
-
สารีบุตร ! สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีถ้อยคำมีความเห็นว่า
“ความบริสุทธิ์มีได้เพราะการอุบัติ (บังเกิด)”.
สารีบุตร ! ก็การบังเกิดที่เราไม่เคยบังเกิดมาแล้วแต่หลัง
ตลอดกาลยืดยาวนานนั้น หาได้ไม่ง่ายเลย เว้นเสียแต่
การบังเกิดในหมู่เทพชั้น สุทธาวาส.
-
สารีบุตร ! ถ้าเราบังเกิดในหมู่เทพ
ชั้น สุทธาวาส, ก็จะไม่พึงมาสู่โลกนี้ได้เลย,
(ย่อมปรินิพพานในภพนั้น).
-
สารีบุตร ! สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีถ้อยคำมีความเห็นว่า
“ความบริสุทธิ์มีได้เพราะภพเป็นที่อยู่อาศัย”.
สารีบุตร ! ก็ภพที่เราไม่เคยอยู่อาศัย
มาแล้วแต่หลัง ตลอดกาลยืดยาวนานนั้น
หาได้ไม่ง่ายเลย เว้นเสียแต่
การอยู่อาศัยในหมู่เทพชั้น สุทธาวาส.
-
สารีบุตร ! ถ้าเราอยู่อาศัยในหมู่เทพ
ชั้น สุทธาวาส , ก็จะไม่พึงมาสู่โลกนี้ได้เลย,
(ย่อมปรินิพพานในภพนั้น).
-
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์
ถ้าใครไม่เคยศึกษา พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ จะไม่
เคยได้ทราบถึงพระสูตรนี้ครับ....
มีถึง 3 พระสูตรที่ทรงย้ำ
พระศาสดาได้ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ มาเกือบหมดแล้ว ยกเว้น
ชั้นสุทธาวาส เพราะชั้นนี้เป็นที่อยู่ของพรหม
ผู้ที่ จะมาอุบัติเกิดในพรหมโลกชั้นนี้ต้องเคยเป็นสาวกของ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พบพระบวรพุทธศาสนา
และเจริญวิปัสสนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล
และพระอนาคามีจะสำเร็จอรหันต์พร้อมกับ นิพพานในชั้นนี้.....
เมื่อนิพพานไปแล้ว ก็ไม่สามารถมาตรัสรู้เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าได้
--
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น