(((สิบพระสูตรที่ชาวพุทธต้อ
๑. พระองค์ทรงสามารถกำหนดสมาธิ
เมื่อจะพูดทุกถ้อยคำ จึงไม่ผิดพลาด
อัคคิเวสนะ ! เรานั้นหรือ, จำเดิมแต่เริ่มแสดง
กระทั่งคำสุดท้ายแห่งการกล่
ย่อมตั้งไว้ซึ่งจิตในสมาธิน
ให้จิตตั้งมั่นอยู่ กระทำให้มีจิต
เป็นเอก ดังเช่นที่คนทั้งหลายเคยได้
มหาสัจจกสูตร มู.ม. ๑๒ / ๔๖๐ / ๔๓๐
๒. แต่ละคำพูดเป็นอกาลิโก คือ ถูกต้องตรงจริงไม่จำกัดกาลเ
ภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ที่เร
อันเป็นธรรมที่บุคคลจะพึงเห
เป็นธรรมให้ผลไม่จำกัดกาล (อกาลิโก),
เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู
ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก),
อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะ
มหาตัณหาสังขยสูตร ม. ม. ๑๒/๔๘๕/๔๕๐.
๓. คำพูดที่พูดมาทั้งหมดนับแต่
ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรี
ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสั
จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตป
ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ,
ตลอดเวลาระหว่างนั้น
ตถาคตได้กล่าวสอน
พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด
ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด
ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดี
ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเล
อิติวุ. ขุ. ๒๕ / ๓๒๑ / ๒๙๓
๔. ทรงบอกเหตุแห่งความอัตรธานข
ภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว :
กลองศึกของกษัตริย์พวกทสารห
เมื่อกลองอานกะนี้ มีแผลแตก หรือลิ,
พวกกษัตริย์ทสารหะได้หาเนื้
เสริมลงในรอยแตกของกลองนั้น
ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้ง
นานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่ง
ซึ่งเนื้อไม้เดิมของตัวกลอง
เหลืออยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเ
เท่านั้น ;
ภิกษุทั้งหลย ! ฉันใดก็ฉันนั้น : ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต
จักมีภิกษุทั้งหลาย,
สุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต
เป็นข้อความลึกมีความหมายซึ
เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา,
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่าน
เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง
จักไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่
และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งท
-
ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่
เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์ก
มีอักษรสละสรวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว
เป็นคำกล่าวของสาวก,
เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแ
เธอจักฟังด้วยดี
จักเงี่ยหูฟัง
จักตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึ
และจักสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ต
-
ภิกษุทั้งหลาย ! ความอันตรธานของสุตตันตะเหล
ที่เป็นคำของตถาคตเป็นข้อคว
มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ
ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา จักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
นิทาน. สํ. ๑๖/๓๑๑/๖๗๒-๓,
-
๕. ทรงกำชับให้ศึกษาปฏิบัติเฉพ
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด
ที่กวีแต่งขึ้นใหม่
เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์ก
มีอักษรสละสลวย
มีพยัญชนะอันวิจิตร
เป็นเรื่องนอกแนว
เป็นคำกล่าวของสาวก
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่าน
เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึ
และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งท
-
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วน สุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต
เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ
ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา,
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่าน
เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถ
และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่
จึงพากันเล่าเรียน ไต่ถาม ทวนถามแก่กันและกันอยู่ว่า
“ข้อนี้เป็นอย่างไร ? มีความหมายกี่นัย ? ” ดังนี้.
-
ด้วยการทำดังนี้ เธอย่อมเปิดธรรมที่ถูกปิดไว
ธรรมที่ยังไม่ปรากฏ เธอก็ทำให้ปรากฏได้,
ความสงสัยในธรรมหลายประการท
ทุก. อํ. ๒๐/๙๒/๒๙๒
-
ภิกษุทั้งหลาย! บริษัทชื่อ
อุกกาจิตวินีตา ปริสา โน ปฏิปุจฉาวินีตา
เป็นอย่างไรเล่า?
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณ ีนี้คือ ภิกษ ุทั้งหลายในบริษัทใด,
เมื่อสุตตันตะทั้งหลาย ตถาคตภาสิตา
-อันเป็นตถาคตภาษิต คมฺภีรา-อันลึกซึ้ง
คมฺภีรตฺถา-มีอรรถอันลึกซึ้
โลกุตฺตรา-เป็นโลกุตตระ
สุญฺญตปฏิสํยุตฺตา-ประกอบด้
อันบุคคลนำมากล่าวอยู่,
ก็ไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง
ไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อจะรู้
และไม่สำคัญว่า เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเ
-
ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่
เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์ก
มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร
เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำ กล่าวของสาวก,
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่าน
พวกเธอย่อมฟังด้วยดี เงี่ยหูฟัง ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
และสำคัญไปว่าเป็นสิ่งที่ตน
พวกเธอเล่าเรียนธรรมอันกวีแ
ก็ไม่สอบถามซึ่งกันและกัน
ไม่ทำให้เปิดเผยแจ่มแจ้งออก
ข้อนี้พยัญชนะเป็นอย่างไร อรรถะเป็นอย่างไร ดังนี้.
-
เธอเหล่านั้น
เปิดเผยสิ่งที่ยังไม่เปิดเผ
ไม่หงายของที่คว่ำอยู่ให้หง
ไม่บรรเทาความสงสัยในธรรมทั
อันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสั
-
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เราเรียกว่า
อุกกาจิตวินีตา ปริสา โน ปฏิปุจฉาวินีตา.
ภิกษุทั้งหลาย ! บริษัทชื่อ
ปฏิปุจฉาวินีตา ปริสา โน อุกกาจิตวินีตา
เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้คือ ภิกษุทั้งหลายในบริษัทใด,
เมื่อสุตตันตะทั้งหลาย ที่กวีแต่งขึ้นใหม่
เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์ก
มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว
เป็นคำ กล่าวของสาวก อันบุคคลนำมากล่าวอยู่,
ก็ไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อจะรู้
และไม่สำ คัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษ
ส่วน สุตตันตะเหล่าใด
อันเป็นตถาคตภาษิต อันลึกซึ้ง มีอรรถอันลึกซึ้ง
เป็นโลกุตตระประกอบด้วยเรื่
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่าน
พวกเธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง
ย่อมเข้าไปตั้งจิตเพื่อจะรู
และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่
พวกเธอเล่าเรียนธรรมที่เป็น
ก็สอบถามซึ่งกันและกัน
ทำให้เปิดเผยแจ่มแจ้งออกมาว
ข้อนี้พยัญชนะเป็นอย่างไร อรรถะเป็นอย่างไร ดังนี้.
เธอเหล่านั้น
เปิดเผยสิ่งที่ยังไม่เปิดเผ
หงายของที่คว่ำอยู่ให้หงายข
บรรเทาความสงสัยในธรรมทั้งห
อันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสั
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เราเรียกว่า
ปฏิปุจฉาวินีตา ปริสา โน อุกกาจิตวินีตา.
-
ภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แลบริษัท ๒ จำพวกนั้
ภิกษุทั้งหลาย! บริษัทที่เลิศในบรรดาบริษัท
คือบริษัทปฏิปุจฉาวินีตา ปริสา โน อุกกาจิตวินีตา
(บริษัทที่อาศัยการสอบสวนทบ
ไม่อาศัยความเชื่อจากบุคคลภ
ทุก. อํ. ๒๐ / ๙๑ / ๒๙๒
-
๖. ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัด
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย
จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคย
จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัต
จักสมาทานศึกษาในสิกขาบท
ที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่
ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษ
ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
มหาปรินิพพานสูตร มหา. ที. ๑๐ / ๘๙ / ๖๙
-
๗. สำนึกเสมอว่าตนเองเป็นเพียง
ถึงแม้จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศ
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธ
ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เ
ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้
ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่
ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค)
เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค)
เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค).
-
ภิกษุทั้งหลาย !
ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้
เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค)
เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
ภิกษุทั้งหลาย! นี้แล
เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน
เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่าง
เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่าง
ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมา
กับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตต์.
ขนฺธ. สํ. ๑๗ /๘๑ / ๑๒๕
-
๘. ตรัสไว้ว่าให้ทรงจำบทพยัญชน
พร้อมขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้
เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาถู
ด้วยบทพยัญชนะที่ใช้กันถูก
ความหมายแห่งบทพยัญชนะที่ใช
ย่อมมีนัยอันถูกต้องเช่นนั้
ภิกษุทั้งหลาย !
นี่เป็น มูลกรณีที่หนึ่ง
ซึ่งทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู
ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.
-
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต
คล่องแคล่ว ในหลักพระพุทธวจนะ
ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท)
พวกภิกษุเหล่านั้น เอาใจใส่ บอกสอน
เนื้อความแห่งสูตรทั้งหลายแ
เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไ
สูตรทั้งหลาย ก็ไม่ขาดผู้เป็นมูลราก (อาจารย์)
มีที่อาศัยสืบกันไป.
-
ภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็น มูลกรณีที่สาม
ซึ่งทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู
ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.
จตุกฺก. อํ. ๒๑ /๑๙๘ / ๑๖๐
๙. ทรงบอกวิธีแก้ไขความผิดเพี้
๑. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย
ผู้มีอายุ ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะพ
“นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”..
-
๒ (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย
ในอาวาสชื่อโน้นมีสงฆ์อยู่พ
พร้อมด้วยปาโมกข์
ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้า
“นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”..
-
๓. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย
ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระอยู่จำนว
เป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา
ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะหน้า
“นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”..
-
๔. (หากมี) ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย
ในอาวาสชื่อโน้นมีภิกษุผู้เ
เป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา
ข้าพเจ้าได้สดับเฉพาะหน้าพร
“นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”..
-
เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม
ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของ
พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่าน
แล้วพึงสอบสวนลงในพระสูตร
เทียบเคียงดูในวินัย
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น
สอบลงในสูตรก็ไม่ได้
เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้
พึงลงสันนิษฐานว่า
“นี้มิใช่พระดำรัสของพระผู้
เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเส
-
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น
สอบลงในสูตรก็ได้
เทียบเข้าในวินัยก็ได้
พึงลงสันนิษฐานว่า
“นี้เป็นพระดำรัสของพระผู้ม
เธอทั้งหลาย พึงจำมหาปเทส.. นี้ไว้
อุปริ. ม. ๑๔/๕๓/๔๑
-
๑๐. ทรงตรัสแก่พระอานนท์ ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้เ
อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่าง
‘ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศา
พวกเราไม่มีพระศาสดา’ ดังนี้.
อานนท์ ! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น.
อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี
ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งห
-
อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี
ใครก็ตามจักต้อง
-
มีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ
เป็นอยู่
-
อานนท์ ! ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใคร่ในสิกขา,
ภิกษุพวกนั้นจักเป็นผู้อยู่
-
มหาปรินิพพานสูตร มหา.ที. ๑๐/๑๕๙/๑๒๘
-
อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี
มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่า
เป็นบุรุรษคนสุดท้ายแห่งบุร
เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า...
เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพว
ม. ม. ๑๓/๔๒๗/๔๖๓.
---
https://www.youtube.com/watch?v=Q29S45NTqmU
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น