วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558
sukhothai 20150608 1
#โสดาบันจะมีกำลังในการไปฟังธรรมอันบัณฑิตแสดงอยู่
#ผู้เงี้ยโสตลงฟังชื่อว่าเป็นผู้มีอุปนิสัย
#เหตุวิมุตติจากการฟังธรรม
พระอาจารย์โยง ๓ พระสูตร ประมาณนาทีที่ 20.30 https://www.youtube.com/watch?v=iyZauKL-zN8&feature=share
#โสดาบันจะมีกำลังในการไปฟังธรรมอันบัณฑิตแสดงอยู่
6 พละนี้ของบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ
คือ อริยสาวกนั้น
เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคต
ประกาศแล้ว
อันบัณฑิตแสดงอยู่
ทำให้มีประโยชน์
ทำไว้ในใจ
กำหนดด้วย
จิตทั้งปวง
เงี่ยโสตฟังธรรม.
อริยสาวกนั้นรู้ชัดอย่างนี้
ว่าบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย
ทิฏฐิ ประกอบด้วยพละเช่นใด
ถึงเราก็ประกอบด้วยพละเช่นนั้น.
-
7 พละนี้ของบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ
คือ อริยสาวกนั้น
เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคต ประกาศแล้ว
อันบัณฑิตแสดงอยู่
ย่อมได้ความรู้อรรถ
ย่อมได้ความรู้ธรรม
ย่อมได้ปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม.
อริยสาวกนั้นรู้ชัดอย่างนี้ว่า
บุคคลผู้ ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ
ประกอบด้วยพละเช่นใด
ถึงเราก็ประกอบด้วยพละเช่น นั้น.
--
อริยสาวกผู้ประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล
ย่อมเป็นผู้เพรียบพร้อมด้วย
โสดาปัตติผล
--
#ผู้เงี้ยโสตลงฟังชื่อว่าเป็นผู้มีอุปนิสัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พึงทราบบุคคลว่า #มีอุปนิสัยหรือว่าไม่มีอุปนิสัย
ก็ด้วยประชุมสนทนากัน
ผู้ไม่เงี่ยโสตลงฟัง ชื่อว่าเป็นคนไม่มีอุปนิสัย
ผู้ที่เงี่ยโสตลงฟัง ชื่อว่าเป็นคนมีอุปนิสัย
เมื่อเขาเป็นผู้มีอุปนิสัย ย่อมจะรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง
ซึ่งธรรมอย่างหนึ่ง ย่อมจะกำหนดรู้ธรรมอย่างหนึ่ง
ย่อมจะละธรรมอย่างหนึ่งย่อมจะทำให้แจ้งซึ่งธรรมอย่างหนึ่ง
เมื่อเขารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งซึ่งธรรมอย่างหนึ่ง
กำหนดรู้ธรรมอย่างหนึ่งละธรรมอย่างหนึ่ง
ทำให้แจ้งซึ่งธรรมอย่างหนึ่ง
ย่อมจะถูกต้องวิมุตติโดยชอบ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
#การสนทนามีข้อนี้เป็นประโยชน์
#การปรึกษาหารือมีข้อนี้เป็นประโยชน์
#อุปนิสัยมีข้อนี้เป็นประโยชน์
#การเงี่ยโสตลงฟังมีข้อนี้เป็นประโยชน์
คือ
#จิตหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น ฯ
-
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๐
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
หน้าที่ ๑๘๘/๒๙๐ ข้อที่ ๕๐๗
http://etipitaka.com/read?keywords=บุคคล+ควรพูด&language=thai&number=188&volume=20
--
#เหตุวิมุตติจากการฟังธรรม
[๔๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกตั้งใจ ใส่ใจ
รวมเข้าไว้ด้วยใจทั้งหมด เงี่ยโสตลงฟังธรรม
สมัยนั้น นิวรณ์ ๕ ย่อมไม่มีแก่เธอ
โพชฌงค์ ๗ ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์.
-
[๔๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ ๗ เหล่านี้
ไม่เป็นเครื่องกั้น ไม่เป็นเครื่องห้าม
ไม่เป็นอุปกิเลสของจิต อันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผล
คือ วิชชาและวิมุติ
โพชฌงค์ ๗ เป็นไฉน? คือ
สติสัมโพชฌงค์ ไม่เป็นเครื่องกั้น ไม่เป็นเครื่องห้าม
ไม่เป็นอุปกิเลสของจิต อันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผล คือ
วิชชาและวิมุติ ฯลฯ
อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ไม่เป็นเครื่องกั้น ไม่เป็นเครื่องห้าม
ไม่เป็นอุปกิเลสของจิต อันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผล
คือวิชชาและวิมุติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ ๗ นี้แล
ไม่เป็นเครื่องกั้น ไม่เป็นเครื่องห้าม
ไม่เป็นอุปกิเลสของจิต อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผล
คือ วิชชาและวิมุติ.
จบ สูตรที่ ๗
นีวรณาวรณสูตร
นิวรณ์ ๕ โพชฌงค์ ๗
-
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
-
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น