วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พุทธวจน อริยบุคคลขั้นต่ำสุดที่เที่ยงต่อนิพพานคือใคร เช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนาย...


พุทธวจน อริยบุคคลขั้นต่ำสุดที่เที่ยงต่อนิพพานคือใคร เช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ ศ 2562
***
สักกายทิฏฐิ สังโยชน์ ข้อแรก..ถ้าละได้..ก็ยืนจด..ประตู..นิพพานแล้ว🙏🙏ท่านพระอาจารย์แจกแจงพระสูตรได้อัศจรรย์..มากๆ🤩🤩อย่างนี้ นี้เอง🤩จำนนด้วยพระสูตรที่สอดรับกัน🙏🙏🙏
CR. Buddhakos media_สนทนาธรรมเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ ศ 2562
https://www.youtube.com/watch?v=_Fu_0F50HdU&t=327s
****
#พุทธวจน ที่ #วัดนาป่าพง
แนะนำให้ ฟังคลิปเต็มๆ นะคะ เพราะ สุคตวินโย หรือ พุทธวจน หรือ ตถาคตภาษิต เป็น ปฏิจจสมุปปันธรรม อาศัยกันและกันเกิดขึ้น #ท่านพระอาจารย์ก็แสดงแจกแจงแบบปฏิจจสมุปปันนธรรมเชื่อมโยงต่อเนื่องกันไปจนสุดทางตามหลักอริยสัจ๔ สมบูรณ์บริบูรณ์แต่ละเนื้อธรรมเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หัวข้อเรื่องอาจจะเป็นเรื่องเดิมๆ แต่ท่านพระอาจารย์ เชื่อมโยงพระสูตรในแง่มุมที่ต่างออกไปเรื่อยๆ และซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเรามีพระสูตรในหัวเยอะๆ เราจะเห็น ความอัศจรรย์ของ พุทธวจน หรือ สุคตวินโย หรือ ตถาคตภาษิต ความซับซ้อนอย่างเป็นระบบ ที่ไม่มีใครทำได้ มีแต่พระพุทธเจ้าเราเท่านั้นที่ทำได้ 🙇‍♂️🙇‍♂️🙇‍♂️มาเพ่งพิสูจน์กันว่า.การกำหนดสมาธิทุกครั้งในการพูดเพื่อไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่คำเดียว .คำที่เชื่อมโยง สอดรับ ไม่ขัดแย่งกัน..ตลอด 45 ปีที่ทรงแสดงธรรมนั้นเป็นอย่างไร🤩🤩🤩
เปิดธรรมโดย ท่านพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
ณ ศาลาไม้ วัดนาป่าพง ลำลูกกาคลอง 10 ปทุมธานี
🙇‍♂️🙇‍♂️🙇‍♂️

***
ผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นโสดาปัตติผล.เที่ยงต่อ.โสดาปัตติผล.โสดาปัตติผล.เทียงต่อนิพพาน.เพราะฉะนั้น.ผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นโสดาปัตติผล..เที่ยงต่อนิพพานนั้นเอง..เช่น.
-อริยบุคคล-ต่ำสุด-มีคุณธรรมอะไรบ้าง..
***ฟังคำตถาคตเนื่องๆ คล่องปาก ขึ้นใจ.แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น***ไปแต่ทางเจริญอย่างเดียวไม่ถึงความเสื่อมไปแต่ทางเจริญอย่างเดียวไม่ไปทางเสื่อม
🙏🙏🙏
ลูกโคเล็กที่เกิดในวันนั้น ลอยไปตามเสียงโคเมียที่เป็นแม่ ว่ายตัดกระแสแม่น้ำคงคาขวางไป ได้ถึงฝั่งโดยสวัสดี แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่เป็นมัคคสมังคีบุคคลชั้นต้น ที่เป็นธัมมานุสารี และที่เป็นสัทธานุสารี แม้พวกภิกษุนั้น ก็ชื่อว่าตัดกระแสมารขวางไป จักถึงฝั่งโดยสวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน
🙏🙏🙏
...โสดาปัตติมรรค ๒ จำพวก
...ก. สัทธานุสารี
...ภิกษุ ท. ! ตา ... หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจเป็นสิ่งไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นปกติ มีความเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นปกติ.ภิกษุ ท.! บุคคลใด มีความเชื่อน้อมจิตไปในธรรม ๖ อย่างนี้ ด้วยอาการอย่างนี้;บุคคลนี้เราเรียกว่าเป็น สัทธานุสารีหยั่งลงสู่สัมมัตตนิยาม (ระบบแห่งความถูกต้อง)หยั่งลงสู่สัปปุริภูมิ (ภูมิแห่งสัตบุรุษ)ล่วงพ้นบุถุชนภูมิ ไม่อาจที่จะกระทำกรรม อันกระทำแล้วจะเข้าถึงนรก กำเนิดเดรัจฉาน หรือ เปรตวิสัย และไม่ควรที่จะทำกาละก่อนแต่ที่จะทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
...ข. ธัมมานุสารี
...ภิกษุ ท. ! ธรรม ๖ อย่างเหล่านี้ ทนต่อการเพ่งโดยประมาณอันยิ่งแห่งปัญญาของบุคคลใด ด้วยอาการอย่างนี้;บุคคลนี้เราเรียกว่า ธัมมานุสารีหยั่งลงสู่สัมมัตตนิยาม (ระบบแห่งความถูกต้อง)หยั่งลงสู่สัปปุริสภูมิ(ภูมิแห่งสัตบุรุษ)ล่วงพ้นบุถุชนภูมิ ไม่อาจที่จะกระทำกรรม อันกระทำแล้วจะเข้าถึงนรก กำเนิดเดรัจฉาน หรือ เปรตวิสัย และไม่ควรที่จะทำกาละก่อนแต่ที่จะทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
-ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๗๘/๔๖๙.
🙏🙏🙏
พุทธวจน อุปมาภิกษุตัดกระแสมารเหมือนโคตัดกระแสน้ำ
🙏🙏🙏

อุปมาภิกษุตัดกระแสมารเหมือนโคตัดกระแสน้ำ

[๓๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่าโคผู้ที่เป็นพ่อฝูง เป็นผู้นำฝูง ว่ายตัดกระแสแม่น้ำคงคาขวางไป ได้ถึงฝั่งโดยสวัสดี แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่เป็นอรหันต์ มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว ปลงภาระเสียแล้ว มีประโยชน์ตนถึงแล้วโดยลำดับ มีกิเลสเครื่องประกอบไว้ในภพหมดสิ้นแล้ว พ้นวิเศษแล้ว เพราะรู้ทั่วถึงโดยชอบ พวกภิกษุแม้นั้นว่ายตัดกระแสมารขวางไป ถึงฝั่งแล้วโดยสวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่าโคที่มีกำลังและโคที่ฝึกไว้ ว่ายตัดกระแสแม่น้ำคงคาขวางไป ได้ถึงฝั่งโดยสวัสดี แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่มีสัญโญชน์ส่วนเบื้องต่ำ ๕ ประการทั้งหมดสิ้นไป เป็นโอปปาติกะ ปรินิพพานในโลกนั้น ไม่ต้องเวียนกลับมาจากโลกนั้น แม้ภิกษุพวกนั้น ก็ชื่อว่าตัดกระแสมารขวางไป จักถึงฝั่งโดยสวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่าโคหนุ่มและโคสาว ว่ายตัดกระแสแม่น้ำคงคาขวางไป ได้ถึงฝั่งโดยสวัสดี แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่มีสัญโญชน์ ๓ หมดสิ้นไป และมีราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง เป็นสกทาคามีบุคคล มาสู่เทวโลกนี้คราวเดียว ก็จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แม้ภิกษุพวกนั้น ก็ชื่อว่าตัดกระแสมารขวางไป จักถึงฝั่งโดยสวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่าลูกโคที่มีกำลังยังน้อย ว่ายตัดกระแสแม่น้ำคงคาขวางไป ได้ถึงฝั่งโดยสวัสดี แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่มีสัญโญชน์ ๓ หมดสิ้นไป เป็นโสดาบัน มีความเป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า แม้พวกภิกษุนั้น ก็ชื่อว่าตัดกระแสมารขวางไป จักถึงฝั่งโดยสวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลูกโคเล็กที่เกิดในวันนั้น ลอยไปตามเสียงโคเมียที่เป็นแม่ ว่ายตัดกระแสแม่น้ำคงคาขวางไป ได้ถึงฝั่งโดยสวัสดี แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุที่เป็นมัคคสมังคีบุคคลชั้นต้น ที่เป็นธัมมานุสารี และที่เป็นสัทธานุสารี แม้พวกภิกษุนั้น ก็ชื่อว่าตัดกระแสมารขวางไป จักถึงฝั่งโดยสวัสดี ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เราแล เป็นผู้ฉลาดในโลกนี้ ฉลาดในโลกหน้า ฉลาดในเตภูมิกธรรมอันเป็นแก่งแห่งมาร ฉลาดในนวโลกุตรธรรมอันไม่เป็นแก่งแห่งมาร ฉลาดในเตภูมิกธรรมอันเป็นแก่งแห่งมัจจุ ฉลาดในนวโลกุตรธรรมอันไม่เป็นแก่งแห่งมัจจุ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใด จักนับถือถ้อยคำของเรานั้นว่า เป็นถ้อยคำอันตนควรฟัง ควรเชื่อ ความนับถือของชนเหล่านั้น จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุขตลอดกาลนาน.

พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบแล้ว จึงได้ตรัสคาถา ประพันธ์ต่อไปอีกว่า

โลกนี้และโลกหน้า เราผู้รู้อยู่ ประกาศดีแล้ว เราเป็นผู้ตรัสรู้เอง
ทราบชัดซึ่งสรรพโลก ทั้งที่เป็นโลกอันมารถึงได้ ทั้งที่เป็นโลกอัน
มัจจุถึงไม่ได้ด้วยความรู้ยิ่ง จึงได้เปิดอริยมรรคอันเป็นประตูแห่งอมตะ
เพื่อให้ถึงนิพพานอันเป็นแดนเกษม กระแสแห่งมารอันลามก เราตัดแล้ว
กำจัดแล้ว ทำให้ปราศจากความเหิมแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจง
เป็นผู้มากด้วยความปราโมทย์ ปรารถนาถึงธรรมอันเป็นแดนเกษมเถิด
ดังนี้.

จบ จูฬโคปาลสูตร ที่ ๔.

- พระไตรปิฎกไทย(ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๒ หน้าที่ ๒๙๗-๒๙๙

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น