วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559
การเห็นการ เกิด - ดับ ของขันธ์ทั้ง ๕
#การเห็นการเกิด -ดับ #ของขันธ์ทั้ง ๕
#เห็นการเกิดดับในขันธ์ทั้ง๕
...ฯลฯ...
ภิกษุเป็นผู้พิจารณาเห็น..ความเกิด..ความดับ.
.ในอุปาทานขันธ์ ๕ อยู่ว่า
-
ดังนี้รูป
ดังนี้ความเกิดแห่งรูป
ดังนี้ความดับแห่งรูป
-
ดังนี้เวทนา
ดังนี้ความเกิดแห่งเวทนา
ดังนี้ความดับแห่งเวทนา
-
ดังนี้สัญญา
ดังนี้ความเกิดแห่งสัญญา
ดังนี้ความดับแห่งสัญญา
-
ดังนี้สังขาร
ดังนี้ความเกิดแห่งสังขาร
ดังนี้ความดับแห่งสังขาร
-
ดังนี้วิญญาณ
ดังนี้ความเกิดแห่งวิญญาณ
ดังนี้ความดับแห่งวิญญาณ
-
นี้เป็นเหตุข้อที่ ๘ เป็นปัจจัยข้อที่ ๘
เป็นไปเพื่อความได้ปัญญา
อันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
ที่ยังไม่ได้ เพื่อความมียิ่งๆ ขึ้นไป
เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ
เพื่อความบริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว ฯ
--
(ไทย) อุปริ. ม. ๑๑/๒๖๙/๔๔๔.
--
http://etipitaka.com/read/thai/11/269/
---
--
วิญญาณ และนาม-รูปต่างอาศัยกันละกันเกิดขึ้น
ถ้าไม่มีนาม-รูป วิญญาณก็ดับ
-
ถ้าไม่มีวิญญาณ นาม-รูปก็ดับ
-
ดังอุปมาของพระสารีบุตร เหมือนไม้ 2 กำพิงกัน
อาศัยกันจึงตั้งอยู่ได้
หากดึงกำที่เป็นวิญญาณออก กำที่เป็น นาม-รูป ก็ล้ม
-
หากดึงกำที่เป็น นาม-รูป ออก กำที่เป็นวิญญาณก็ล้ม
-
อุปมาของพระศาสดา..
-
ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเรือนยอด หรือศาลาเรือนยอด ที่ตั้งอยู่
ทางทิศเหนือหรือใต้ก็ตาม เป็นเรือนมีหน้าต่างทางทิศตะวันออก.
ครั้นดวงอาทิตย์ขึ้นมา แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์
ส่งเข้าไปทางช่องหน้าต่างแล้ว
จักตั้งอยู่ที่ส่วนไหนแห่งเรือนนั่นเล่า ?
-
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์
จักปรากฏที่ฝาเรือนข้างในด้านทิศตะวันตก พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ท. ! ถ้าฝาเรือนทางทิศตะวันตกไม่มีเล่า
แสงแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏอยู่ที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น
จักปรากฏที่พื้นดิน พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ท. ! ถ้าพื้นดินไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น
จักปรากฏที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น
จักปรากฏในน้ำ พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ท. ! ถ้าน้ำไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น
จักปรากฏที่ไหนอีก?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น
ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏแล้ว
พระเจ้าข้า !”
--
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๖
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
หน้าที่ ๑๐๑ ข้อที่ ๒๔๘ - ๒๔๙
---
http://etipitaka.com/read/thai/16/101/…
----
#ขันธ์๕
#อุปาทานขันธ์๕
#ที่ตั้้งแห่งอุปาทานขันธ์๕
#อุปาทานขันธสูตร
[๒๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ รูปูปาทานักขันธ์ ๑ เวทนูปาทานักขันธ์ ๑ สัญญูปาทานักขันธ์ ๑ สังขารูปาทานักขันธ์ ๑ วิญญาณูปาทานักขันธ์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้แล ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เพื่อละ อุปาทานักขันธ์ ๕ ประการนี้แล ฯ
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓)
--------------------
พุทธพจน์ #แสดงขันธ์ ๕ #และอุปาทานขันธ์ ๕
ปัญจขันธสูตร
[๙๕] ....."ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงขันธ์ ๕ และอุปาทานขันธ์ ๕ เธอทั้งหลายจงฟัง"
"ขันธ์ ๕ เป็นไฉน ? รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม เหล่านี้ เรียกว่า ขันธ์ ๕".....
[๙๖] ....."อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน ? รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม ที่ประกอบด้วยอาสวะ เป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน(หรือถูกอุปาทานครอบงำในปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง)...เหล่านี้ เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕"....
(สํ.ข. ๑๗ / ๙๕-๙๖ /๕๘-๖๐)
--------------------------
"ภิกษุทั้งหลาย
เราจักแสดงธรรมทั้งหลายซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
และตัวอุปาทาน เธอทั้งหลายจงฟัง.
"รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ คือ ธรรม(สิ่ง)อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน (ส่วน)ฉันทราคะ(ก็คือตัณหา) ในรูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ นั้นคือ อุปาทานในสิ่งนั้นๆ"
(ฉันทะราคะ คือความชอบใจจนติด หรืออยากอย่างแรงจนยึดติด กล่าวคือตัณหา จึงเป็นเหตุปัจจัยจึงมีอุปาทานครอบงำ)
(สํ.ข. ๑๗ / ๓๐๙ / ๒๐๒)
---
อ่านพระสูตรเพิ่มเติมจากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/read/thai/17/47/…
--
link ; วิญญาณ นามรูป
http://etipitaka.com/read/thai/16/101/…
--
ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก faq
พุทธวจน faq การเห็นการเกิด-ดับ ของขันธ์ทั้ง ๕
http://faq.watnapp.com/th/practice/84-new-practice/220-01-01-0048
---
ประโยชน์ของการมี..ปัญญา..เห็น..เกิด ดับ..ของ..ขันธ์๕..เราจะรู้ด้วยปัญญาว่า..มันกะเรา..ไม่ใช่ตัวเดียวกัน..เราจะปล่อยวางไม่อาลัยอาวรณ์..เมื่อขันธ์๕ แตกสลายไป..เราก็จะหลุดพ้นจาก..การเกิด..แก่..ตาย..หลุดพ้นไป.
พุทธวจน faq “นั่นไม่ใช่ของเรา (เนตํ มม), นั่นไม่ใช่เรา (เนโสหมสฺมิ), นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา (น เมโส อตฺตา) ” หมายความว่าอย่างไร และมีนัยเกี่ยวกับอนัตตา และ นิพพาน อย่างไร
. http://faq.watnapp.com/.../84-new-practice/130-01-01-0039
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น