วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
พุทธวจน วิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด สัตว์เวียนว่ายตายเกิด สัตว์คือ ?
วิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด..สัตว์เวียนว่ายตายเกิด
สัตว์คือ .. ประมาณนาทีที่ 1.40
*************
#ว่าด้วยสาติภิกษุมีทิฏฐิลามก
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งมาแล้วตรัสว่า
ดูกรภิกษุ เธอจงมา เธอจงเรียกสาติภิกษุ ผู้เกวัฏฏบุตร
ตามคำของเราว่า ดูกรท่านสาติ พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน
ภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
จึงเข้าไปหาสาติภิกษุ
แล้วบอกว่าดูกรท่านสาติ
พระศาสดารับสั่งให้หาท่านสาติภิกษุรับคำภิกษุนั้นแล้ว
จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับถวายอภิวาทแล้ว
จึงนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ดูกรสาติ ได้ยินว่าเธอมีทิฏฐิอันลามก
เห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า
เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรม
ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า
-
วิญญาณนี้นั่นแหละ
ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริงหรือ?
-
สาติภิกษุทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงธรรม
ตามที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงว่า
วิญญาณนี้แหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริง
-
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ดูกรสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร?
สาติภิกษุทูลว่า สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้
ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย
ทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
-
ดูกรโมฆบุรุษ
เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า
-
ดูกรโมฆบุรุษ
วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น
เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ
ความ เกิดแห่งวิญญาณ
เว้นจากปัจจัย มิได้มี
-
ดูกรโมฆบุรุษ
ก็เมื่อเป็นดังนั้น
เธอกล่าวตู่เราด้วย
ขุดตนเสียด้วย
จะประสพบาปมิใช่บุญมากด้วย
เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว
-
ดูกรโมฆบุรุษ
ก็ความเห็นนั้นของเธอ
จักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์
เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
(ภาษาไทย) มู. ม. ๑๒ / ๓๓๑ / ๔๔๒
http://etipitaka.com/read?language=thai&number=331&volume=12
---
#สัตว์ต้องเวียนว่ายเพราะไม่เห็นอริยสัจ
ภิกษุทั้งหลาย !
เปรียบเหมือนท่อนไม้อันบุคคลซัดขึ้นไปสู่อากาศ
บางคราวตกเอาโคนลง
บางคราวตกเอาตอนกลางลง
บางคราวตกเอาปลายลง, ข้อนี้ฉันใด ;
-
ภิกษุทั้งหลาย !
สัตว์ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
แล่นไปอยู่
ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏ
-
ก็ทำนองเดียวกัน
บางคราวแล่นไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น
บางคราวแล่นจากโลกอื่นสู่โลกนี้.
ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
-
ภิกษุทั้งหลาย !
ข้อนั้น เพราะความที่เขาเป็นผู้ไม่เห็นซึ่งอริยสัจทั้งสี่.
อริยสัจสี่อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ
อริยสัจคือทุกข์
อริยสัจคือเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์
อริยสัจ คือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
-
ภิกษุทั้งหลาย !
เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้
เธอพึงประกอบโยคกรรม
อันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า
“ทุกข์ เป็นอย่างนี้,
เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้” ดังนี้
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น หน้า ๙๗
(ภาษาไทย) มหาวาร. สํ. ๑๙ / ๔๓๕ / ๑๗๑๖
---
#ความสิ้นตัณหา คือ #นิพพาน (เหตุที่เรียกว่า “สัตว์”)
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกว่า ‘สัตว์ สัตว์’ ดังนี้,
อันว่าสัตว์มีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า ? พระเจ้าข้า !”
ราธะ !
ความพอใจอันใด
ราคะอันใด
นันทิอันใด
ตัณหาอันใด
มีอยู่ในรูป ในเวทนา ในสัญญา
ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ,
เพราะการติดแล้ว ข้องแล้ว ในสิ่งนั้น ๆ,
เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า ‘สัตว์’ ดังนี้
--
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น หน้า ๔๒๑
(ภาษาไทย) ขนฺธ. สํ. ๑๗ / ๑๙๑ / ๓๖๗
http://etipitaka.com/read?language=thai&number=191&volume=17
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น