วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พุทธวจน พราหมณ์ ๕ จำพวก

พราหมณ์ ๕ จำพวก
๒. โทณสูตร
[๑๙๒] ครั้งนั้นแล โทณพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค 
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว 
จึงนั่งณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้กราบทูลว่า 
-
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญข้าพระองค์ได้สดับมาดังนี้ว่า 
พระสมณะโคดมไม่อภิวาท 
ไม่ลุกรับ 
หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะ 
ซึ่งพราหมณ์ผู้แก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ล่วงกาลผ่านวัยแล้ว 
ข้อนั้นเห็นจะเป็นเหมือนอย่างนั้น 
เพราะท่านพระโคดมไม่อภิวาท 
ไม่ลุกรับ 
หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะ 
ซึ่งพราหมณ์ผู้แก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ล่วงกาลผ่านวัยแล้ว 
ข้อนี้ไม่ดีเลย 
-
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโทณะ 
แม้ท่านก็ย่อมปฏิญาณว่าเป็นพราหมณ์มิใช่หรือ ฯ
-
ท. ข้าแต่ท่านพระโคดม 
ผู้ใดเมื่อกล่าวโดยชอบ พึงกล่าวว่าเป็นพราหมณ์ 
-
อุภโตสุชาติทั้งฝ่ายมารดาและบิดา 
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ 
ไม่มีใครจะคัดค้านติเตียนได้โดยอ้างถึงชาติ 
-
เป็นผู้เล่าเรียน 
ทรงมนต์รู้จบไตรเพท 
พร้อมทั้งคัมภีร์นิฆัณฑุและเกฏุภะ 
พร้อมทั้งอักขระประเภท มีคัมภีร์อิติหาสะเป็นที่ห้า 
เข้าใจตัวบท เข้าใจไวยากรณ์
เป็นผู้ชำนาญในคัมภีร์โลกายตะ
และตำราทำนายมหาปุริสลักษณะ 
ผู้นั้นเมื่อกล่าวโดยชอบ 
พึงหมายซึ่งข้าพระองค์นั้นเทียว 
-
เพราะข้าพระองค์เป็นพราหมณ์อุภโตสุชาติทั้งฝ่ายมารดาและบิดา
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ 
ไม่มีใครจะคัดค้านติเตียนได้โดยอ้างถึงชาติ 
-
เป็นผู้เล่าเรียน ทรงมนต์ รู้จบไตรเพท 
พร้อมด้วยคัมภีร์นิฆัณฑุและเกฏุภะ พร้อมทั้งอักขระประเภท 
มีคัมภีร์อิติหาสะเป็นที่ห้า 
เข้าใจตัวบทเข้าใจไวยากรณ์ เป็นผู้ชำนาญในคัมภีร์โลกายตะ
และตำราทายมหาปุริสลักษณะ ฯ
-
พ. ดูกรโทณะ 
บรรดาฤาษีผู้เป็นบุรพาจารย์ของพวกพราหมณ์ 
คือ ฤาษีอัฏฐกะ ฤาษีวามกะ ฤาษีวามเทวะ 
ฤาษีเวสสามิตตระ ฤาษียมตัคคี ฤาษีอังคีรส ฤาษีภารทวาชะ 
ฤาษีวาเสฏฐะ ฤาษีกัสสปะ ฤาษีภัคคุ 
ซึ่งเป็นผู้ผูกมนต์ บอกมนต์ พวกพราหมณ์ในปัจจุบันนี้
ขับตาม กล่าวตาม ซึ่งบทมนต์ของเก่านี้ 
ที่ท่านขับแล้ว บอกแล้ว รวบรวมไว้แล้ว กล่าวได้ถูกต้อง 
บอกได้ถูกต้องตามที่ท่านกล่าวไว้ บอกไว้ 
ฤาษีเหล่านั้นย่อมบัญญัติพราหมณ์ไว้ ๕ จำพวกนี้ 
คือ 
-
พราหมณ์ผู้เสมอด้วยพรหม ๑ 
พราหมณ์เสมอด้วยเทวดา ๑ 
พราหมณ์ผู้มีความประพฤติดี ๑
พราหมณ์ผู้มีความประพฤติดีและชั่ว ๑ 
พราหมณ์จัณฑาลเป็นที่ ๕ 
-
ดูกรโทณะท่านเป็นพราหมณ์จำพวกไหน
ในจำพวกพราหมณ์ ๕ จำพวกนั้น ฯ
-
โท. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ 
ข้าพระองค์ไม่รู้จักพราหมณ์ ๕ จำพวกนี้
แต่ข้าพระองค์รู้ว่าเป็นพราหมณ์เท่านั้น 
ขอพระโคดมผู้เจริญโปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์ 
โดยประการที่ข้าพระองค์จะพึงรู้จักพราหมณ์ ๕ จำพวกนี้ ฯ
-
พ. ดูกรโทณะ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ฯ
โทณพราหมณ์ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า พระเจ้าข้า 
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรโทณะ 
ก็พราหมณ์เป็นผู้เสมอด้วยพรหมอย่างไร 
พราหมณ์ในโลกนี้เป็นอุภโตสุชาตทั้งฝ่ายมารดาและบิดา 
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ 
ไม่มีใครจะคัดค้านติเตียนได้โดยอ้างถึงชาติ 
-
เขาประพฤติโกมารพรหมจรรย์เรียนมนต์อยู่ตลอด ๔๘ ปี 
ครั้นแล้ว
-
ย่อมแสวงหาทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์เพื่ออาจารย์โดยธรรมอย่างเดียว 
ไม่แสวงหาโดยไม่เป็นธรรม 
-
ก็ธรรมในการแสวงหานั้นอย่างไร 
คือ ไม่ใช่แสวงหาด้วยกสิกรรม 
พาณิชยกรรม
โครักขกรรม 
การเป็นนักรบ 
การรับราชการ 
ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง 
-
เขาถือกระเบื้องเที่ยวภิกขาจารอย่างเดียว 
-
มอบทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์แก่อาจารย์แล้ว 
ปลงผมและหนวดนุ่งห่มผ้ากาสายะ 
ออกบวชเป็นบรรพชิต 
เขาบวชแล้วอย่างนี้ 
มีใจประกอบด้วยเมตตา
แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็เหมือนกัน 
ตามนัยนี้ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง
แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน 
ด้วยใจประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ถึง
ความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ ฯ
-
มีใจประกอบด้วยกรุณา 
... ประกอบด้วยมุทิตา 
... ประกอบด้วยอุเบกขา 
แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็เหมือนกัน 
ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง 
แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า 
ในที่ทุกสถานด้วยใจประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ 
ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ 
เธอเจริญพรหมวิหาร ๔ ประการนี้แล้ว 
-
เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติพรหมโลก 
-
ดูกรโทณะ 
พราหมณ์เป็นผู้ชื่อว่าเสมอด้วยพรหมอย่างนี้แล ฯ
-
ดูกรโทณะ ก็พราหมณ์เป็นผู้เสมอด้วยเทวดาอย่างไร 
พราหมณ์ในโลกนี้เป็นอุภโตสุชาตทั้งฝ่ายมารดาและบิดา 
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดตลอด ๗ชั่วบรรพบุรุษ 
ไม่มีใครๆ จะคัดค้านติเตียนได้โดยอ้างถึงชาติ 
-
เขาประพฤติโกมารพรหมจรรย์ เรียนมนต์อยู่ตลอด ๔๘ ปี
ครั้นแล้ว 
-
ย่อมแสวงหาทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์เพื่ออาจารย์โดยธรรม 
ไม่แสวงหาอย่างไม่เป็นธรรม 
ก็ธรรมในการแสวงหานั้นอย่างไร คือ 
-
ไม่ใช่แสวงหาด้วยกสิกรรม 
พาณิชยกรรม
โครักขกรรม 
การเป็นนักรบ 
การรับราชการ 
ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง 
-
เขาถือกระเบื้องเที่ยวภิกขาจารอย่างเดียว 
-
มอบทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์แก่อาจารย์แล้ว
ย่อมแสวงหาภรรยาโดยธรรมอย่างเดียว 
ไม่แสวงหาโดยไม่เป็นธรรม 
ก็ธรรมในการแสวงหานั้นอย่างไร คือ 
-
ไม่แสวงหาด้วยการซื้อ 
ด้วยการขาย 
ย่อมแสวงหาพราหมณีเฉพาะที่เขายกให้ด้วยการหลั่งน้ำ 
เขาย่อมสมสู่เฉพาะพราหมณี
ไม่สมสู่ด้วยสตรีชั้นกษัตริย์ แพศย์ ศูทร จัณฑาล 
เนสาท ช่างจักสาน ช่างทำรถ เทหยากเยื่อ 
-
สตรีมีครรภ์ มีลูกอ่อน ไม่มีระดู 
-
ดูกรโทณะ เพราะเหตุไรพราหมณ์จึงไม่สมสู่ สตรีมีครรภ์ 
เพราะเหตุว่า ถ้าพราหมณ์สมสู่สตรีมีครรภ์ไซร้ 
มาณพหรือมาณวิกาย่อมเป็นผู้ชื่อว่าเกิดแต่กองอุจจาระ 
เพราะฉะนั้นพราหมณ์จึงไม่สมสู่สตรีมีครรภ์ 
-
เพราะเหตุไร พราหมณ์จึงไม่สมสู่สตรีมีลูกอ่อน 
เพราะเหตุว่า ถ้าพราหมณ์สมสู่สตรีมีลูกอ่อนไซร้ 
มาณพหรือมาณวิกาย่อมเป็นผู้ชื่อว่าดื่มของไม่สะอาด 
เพราะฉะนั้น พราหมณ์จึงไม่สมสู่สตรีมีลูกอ่อน
-
พราหมณีนั้นเป็นพราหมณีของพราหมณ์ 
มิใช่ต้องการความใคร่ ความสนุก ความยินดี 
ต้องการบุตรอย่างเดียว 
เขามีบุตรหรือธิดาแล้ว 
จึงปลงผมและหนวด 
นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต

เขาบวชแล้วอย่างนี้สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน 
ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ 
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ 
เธอเจริญฌาณทั้ง ๔ ประการนี้แล้ว 
เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ 
-
ดูกรโทณะ 
พราหมณ์เป็นผู้เสมอด้วยเทวดาอย่างนี้แล ฯ
-
ดูกรโทณะ ก็พราหมณ์เป็นผู้มีความประพฤติดีอย่างไร 
พราหมณ์ในโลกนี้ 
เป็นอุภโตสุชาตทั้งฝ่ายมารดาและบิดา 
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ 
ไม่มีใครจะคัดค้านติเตียนได้โดยอ้างถึงชาติ 
-
เขาประพฤติโกมารพรหมจรรย์ เรียนมนต์อยู่ตลอด ๔๘ ปี
ครั้นแล้ว 
-
แสวงหาทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์เพื่ออาจารย์โดยธรรมอย่างเดียว 
ไม่แสวงหาโดยไม่เป็นธรรม 
ก็ธรรมในการแสวงหานั้นอย่างไร คือ 
ไม่ใช่แสวงหาด้วยกสิกรรม 
พาณิชยกรรม
โครักขกรรม 
การเป็นนักรบ 
การรับราชการ 
ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง 
-
เขาถือ กระเบื้องเที่ยวภิกขาจารอย่างเดียว 
มอบทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์แก่อาจารย์แล้ว
-
ย่อมแสวงหาภรรยาโดยธรรมอย่างเดียว 
ไม่แสวงหาโดยไม่เป็นธรรม 
ก็ธรรมในการแสวงหานั้นอย่างไร คือ 
ไม่แสวงหาด้วยการซื้อ การขาย 
ย่อมแสวงหาพราหมณีเฉพาะผู้ที่เขายกให้ด้วยการหลั่งน้ำ
เขาย่อมสมสู่เฉพาะพราหมณี 
ไม่สมสู่สตรีชั้นกษัตริย์ แพศย์ ศูทร จัณฑาล เนสาท ช่างจักสาน 
ช่างทำรถ เทหยากเหยื่อ สตรีมีครรภ์ มีลูกอ่อน ไม่มีระดู 
-
ดูกรโทณะ เพราะเหตุไรพราหมณ์จึงไม่สมสู่สตรีมีครรภ์ 
เพราะเหตุว่า ถ้าพราหมณ์ย่อมสมสู่สตรีมีครรภ์ไซร้ 
มาณพหรือมาณวิกาย่อมเป็นผู้ชื่อว่าเกิดแต่กองอุจจาระ 
เพราะฉะนั้นพราหมณ์จึงไม่สมสู่สตรีมีครรภ์ 
-
เพราะเหตุไร พราหมณ์จึงไม่สมสู่สตรีมีลูกอ่อน 
เพราะเหตุว่า ถ้าพราหมณ์สมสู่สตรีมีลูกอ่อนไซร้ 
มาณพหรือมาณวิกาย่อมเป็นผู้ชื่อว่าดื่มของไม่สะอาด 
เพราะฉะนั้น พราหมณ์จึงไม่สมสู่สตรีมีลูกอ่อน 
-
พราหมณีนั้นย่อมเป็นพราหมณีของพราหมณ์ 
มิใช่ต้องการความใคร่ ความสนุก ความยินดี 
ต้องการบุตรอย่างเดียว 
เขามีบุตรหรือธิดาแล้ว 
ปรารถนาความยินดีในบุตรหรือธิดานั้น 
ครอบครองทรัพย์สมบัติ 
-
ไม่ออกบวชเป็นบรรพชิต
เขาดำรงอยู่ในความประพฤติดีของพราหมณ์แต่ปางก่อน 
ไม่ล่วงละเมิด 
พราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในความประพฤติดีของพราหมณ์แต่ปางก่อน 
ไม่ล่วงละเมิด เพราะเหตุดังนี้แล 
ชาวโลกจึงเรียกว่าพราหมณ์ผู้มีความประพฤติดี 
-
ดูกรโทณะ 
พราหมณ์เป็นผู้มีความประพฤติดีอย่างนี้แล ฯ
-
ดูกรโทณะ ก็พราหมณ์เป็นผู้มีความประพฤติดีชั่วอย่างไร 
พราหมณ์ในโลกนี้ 
เป็นอุภโตสุชาตทั้งฝ่ายมารดาและบิดา 
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ 
ไม่มีใครจะคัดค้านติเตียนได้โดยอ้างถึงชาติ 
-
เขาประพฤติโกมารพรหมจรรย์เรียนมนต์ อยู่ ๔๘ ปี 
ครั้นแล้ว 
-
แสวงหาทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์เพื่ออาจารย์โดยธรรมอย่างเดียว 
ไม่แสวงหาโดยไม่เป็นธรรม 
ก็ธรรมในการแสวงหานั้นอย่างไร คือ 
ไม่แสวงหาด้วยกสิกรรม 
พณิชยกรรม 
โครักขกรรม
การเป็นนักรบ 
การรับราชการ 
ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง 
-
เขาถือกระเบื้องเที่ยวภิกขาจารอย่างเดียว 
มอบทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์แก่อาจารย์แล้ว 
-
ย่อมแสวงหาภรรยาโดยธรรมบ้าง โดยไม่เป็นธรรมบ้าง 
ด้วยการซื้อบ้าง ด้วยการขายบ้าง 
ย่อมแสวงหาพราหมณีผู้ที่เขายกให้ด้วยการหลั่งน้ำ 
เขาย่อมสมสู่พราหมณีบ้าง สตรีชั้นกษัตริย์บ้าง ชั้นแพศย์บ้าง 
ชั้นศูทรบ้าง ชั้นจัณฑาลบ้าง ชั้นเนสาทบ้าง ชั้นจักสานบ้าง 
ชั้นช่างทำรถบ้าง ชั้นเทหยากเยื่อบ้าง มีครรภ์บ้าง
มีลูกอ่อนบ้าง มีระดูบ้าง ไม่มีระดูบ้าง 
พราหมณีนั้นเป็นพราหมณีของพราหมณ์ 
ต้องการความใคร่บ้าง ความสนุกบ้าง ความยินดีบ้าง 
ต้องการบุตรบ้าง 
-
เขาไม่ตั้งอยู่ในความประพฤติดีของพราหมณ์แต่ปางก่อน 
ล่วงละเมิดพราหมณ์ผู้ไม่ตั้งอยู่ในความประพฤติดีของพราหมณ์แต่ปางก่อน
ล่วงละเมิด เพราะเหตุดังนี้ 
พราหมณ์ชาวโลกจึงเรียกว่าผู้มีความประพฤติดีและชั่ว 
-
ดูกรโทณะ
พราหมณ์เป็นผู้มีความประพฤติดีและชั่วอย่างนี้แล ฯ

ดูกรโทณะ ก็พราหมณ์ผู้เป็นพราหมณ์จัณฑาลอย่างไร 
พราหมณ์ในโลกนี้ 
เป็นอุภโตสุชาตทั้งฝ่ายมารดาและบิดา 
มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ
ไม่มีใครจะคัดค้านติเตียนได้โดยอ้างถึงชาติ 
-
เขาประพฤติโกมารพรหมจรรย์เรียนมนต์อยู่ตลอด๔๘ ปี 
ครั้นแล้ว 
-
แสวงหาทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์เพื่ออาจารย์โดยธรรมบ้าง 
โดยไม่เป็นธรรมบ้าง 
ด้วยกสิกรรมบ้าง
ด้วยพาณิชยกรรมบ้าง 
ด้วยโครักขกรรมบ้าง 
ด้วยการเป็นนักรบบ้าง
ด้วยการรับราชการบ้าง 
ด้วยศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง 
-
เขาถือกระเบื้องเที่ยวภิกขาจารอย่างเดียว
-
มอบทรัพย์สำหรับบูชาอาจารย์แก่อาจารย์แล้ว 
-
ย่อมแสวงหาภรรยาโดยธรรมบ้างโดย ไม่เป็นธรรมบ้าง 
ด้วยการซื้อบ้าง ด้วยการขายบ้าง 
ย่อมแสวงหาพราหมณีที่เขายกให้ด้วยการหลั่งน้ำ 
เขาย่อมสมสู่พราหมณีบ้าง สตรีชั้นกษัตริย์บ้าง ชั้นแพศย์บ้าง ชั้นศูทรบ้าง 
ชั้นจัณฑาลบ้าง ชั้นเนสาทบ้าง ชั้นช่างจักสานบ้าง 
ชั้นช่างทำรถบ้าง ชั้นเทหยากเยื่อบ้าง มีครรภ์บ้าง มีลูกอ่อนบ้าง 
มีระดูบ้าง ไม่มีระดูบ้าง พราหมณีนั้นเป็นพราหมณีของพราหมณ์ 
ต้องการความใคร่บ้าง ความสนุกบ้าง ความยินดีบ้าง 
ต้องการบุตรบ้าง 
-
เขาสำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยการงานทุกอย่าง 
พวกพราหมณ์ได้กล่าวกะเขาอย่างนี้ว่า 
ท่านปฏิญาณว่าเป็นพราหมณ์ 
เพราะเหตุไรจึงสำเร็จการเลี้ยงชีพ
ด้วยการงานทุกอย่าง 
เขาได้ตอบอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ 
เปรียบเหมือนไฟย่อมไหม้สิ่งที่สะอาดบ้าง สิ่งที่ไม่สะอาดบ้าง 
แต่ไฟย่อมไม่ติดด้วยสิ่งนั้น 
แม้ฉันใด ถ้าแม้พราหมณ์สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยการงานทุกอย่างไซร้ 
แต่พราหมณ์ย่อมไม่ติดด้วยการงานนั้น ฉันนั้นเหมือนกัน 
พราหมณ์สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยการงานทุกอย่าง 
เพราะเหตุดังนี้แล 
พราหมณ์ชาวโลกจึงเรียกว่า พราหมณ์จัณฑาล 
-
ดูกรโทณะ 
พราหมณ์ผู้เป็นพราหมณ์จัณฑาลอย่างนี้แล ฯ
-
ดูกรโทณะ บรรดาฤาษีที่เป็นบุรพาจารย์ของพวกพราหมณ์ 
คือ ฤาษี อัฏฐกะ ฤาษีวามกะ ฤาษีวามเทวะ ฤาษีเวสสามิตตระ 
ฤาษียมตัคคิ ฤาษีอังคีรสฤาษีภารทวาชะ ฤาษีวาเสฏฐะ 
ฤาษีกัสสปะ ฤาษีภัคคุ 
ซึ่งเป็นผู้ผูกมนต์ บอกมนต์ 
พวกพราหมณ์ในปัจจุบันนี้
ขับตาม กล่าวตาม ซึ่งบทมนต์ของเก่านี้ 
ที่ท่านขับแล้ว บอกแล้ว รวบรวมไว้แล้ว กล่าวได้ถูกต้อง
บอกได้ถูกต้อง ตามที่ท่านกล่าวไว้ บอกไว้ 
ฤาษีเหล่านั้นย่อมบัญญัติพราหมณ์ไว้ ๕ จำพวก
-
คือ พราหมณ์ผู้เสมอด้วยพรหม ๑ 
พราหมณ์ผู้เสมอด้วยเทวดา ๑ 
พราหมณ์ผู้มีความประพฤติดี ๑
พราหมณ์ผู้มีความประพฤติดีและชั่ว ๑ 
พราหมณ์จัณฑาลเป็นที่ ๕ 
-
ดูกรโทณะ ท่านเป็นพราหมณ์จำพวกไหน 
ในจำพวกพราหมณ์ ๕ จำพวกนั้น ฯ
-
โท. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ เมื่อเป็นเช่นนี้ 
ข้าพระองค์ย่อมไม่ยังแม้พราหมณ์จัณฑาลให้เต็มได้ 
-
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ 
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก 
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก 
พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย 
เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ 
เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง 
หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า 
ผู้มีจักษุ จักเห็นรูป ฉะนั้น 
-
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ 
ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระองค์กับทั้งธรรมและพระภิกษุสงฆ์
ว่าเป็นสรณะ 
ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า 
เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต 
จำเดิม
แต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
จบสูตรที่ ๒
-
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๒๐๑ ข้อที่ ๑๙๒
http://etipitaka.com/read/thai/22/201/
-

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น