อุบาสิกา สามารถถวาย หรือ รับมอบ สิ่งของกับภิกขุ..แบบมือต่อ
แต่การที่ภิกขุใช้ผ้ารองรับ
_____www.watnapp.com_____________________
การรับประเคนที่ใช้ได้
ดูกรอุบาลี การรับประเคนที่ใช้ได้นี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:
๑. ของเขาให้ด้วยกาย รับประเคนด้วยกาย
๒. ของเขาให้ด้วยกาย รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
๓. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย รับประเคนด้วยกาย
๔. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
๕. ของเขาให้ด้วยโยนให้ รับประเคนด้วยกาย หรือด้วยของเนื่องด้วยกาย
๒. ของเขาให้ด้วยกาย รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
๓. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย รับประเคนด้วยกาย
๔. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
๕. ของเขาให้ด้วยโยนให้ รับประเคนด้วยกาย หรือด้วยของเนื่องด้วยกาย
ดูกรอุบาลี การรับประเคนที่ใช้ได้ ๕ อย่าง นี้แล.
(ภาษาไทย) ปริวาร.วิ. ๘/๔๒๓/๑๑๗๓.
***************************
[๑๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปปุริสทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
สัตบุรุษย่อมให้ทานด้วยศรัทธา ๑
ย่อมให้ทานโดยเคารพ ๑
ย่อมให้ทานโดยกาลอันควร ๑
เป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทาน ๑
ย่อมให้ทานไม่กระทบตนและผู้อื่น ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษครั้นให้ทานด้วยศรัทธาแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก
และเป็นผู้มีรูปสวยงาม
น่าดู
น่าเลื่อมใส
ประกอบด้วยผิวพรรณงามยิ่งนัก
ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล (บังเกิดขึ้น)
ครั้นให้ทานโดยเคารพแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก
และเป็นผู้มีบุตรภรรยา
ทาส
คนใช้หรือคนงาน
เป็นผู้เชื่อฟัง
เงี่ยโสตลงสดับคำสั่ง
ตั้งใจใคร่รู้ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล
ครั้นให้ทานโดยกาลอันควรแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก
และย่อมเป็นผู้มีความต้องการที่เกิดขึ้นตามกาลบริบูรณ์
ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล
ครั้นเป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทานแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก
และเป็นผู้มีจิตน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ สูงยิ่งขึ้น
ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล
ครั้นให้ทานไม่กระทบตนและผู้อื่นแล้ว
ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก
และย่อมเป็นผู้มีโภคทรัพย์ไม่มีภยันตรายมาแต่ที่ไหนๆคือ
จากไฟ
จากน้ำ
จากพระราชา
จากโจร
จากคนไม่เป็นที่รัก
หรือจากทายาทในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สัปปุริสทาน ๕ ประการนี้แล ฯ
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๑๕๕/๔๐๗ข้อที่ ๑๔๗-๑๔๘
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
*****************************************************
**ผลแห่งทาน**
คหบดี ! บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยไม่เคารพ ไม่ทำความนอบน้อมให้ ไม่ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่เหลือ ไม่เชื่อกรรมและผลของกรรม ให้ทาน ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้นคือ บุตร ภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เงี่ยหูฟัง ส่งจิตไปที่อื่นเสีย.
ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? ทั้งนี้เป็นเพราะ ผลแห่งกรรมที่ตนกระทำโดยไม่เคารพ.
คหบดี ! บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยเคารพ ทำความนอบน้อมให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อกรรมและผลของกรรม ให้ทาน ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็เชื่อฟังดี เงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิตไปที่อื่น.
ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? ทั้งนี้เป็นเพราะผลของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ.
...ฯลฯ...
ฆราวาสชั้นเลิศ หน้า ๑๒๔
(ภาษาไทย) นวก. อํ. ๒๓/๓๑๖/๒๒๔.
**************************************************
สุปปวาสสูตร
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในนิคมของโกลิยราชสกุล ชื่อปัชชเนละ แคว้นโกฬิยะ ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้วทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของโกลิยธิดาชื่อสุปปวาสา ครั้นแล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ ครั้งนั้นแล โกลิยธิดา ชื่อสุปปวาสา ได้อังคาสพระผู้มีพระภาคด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีต ด้วยมือของตน ให้อิ่มหนำเพียงพอแล้ว ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จ นำพระหัตถ์ออกจากบาตรแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรนางสุปปวาสา อริยสาวิกาผู้ให้โภชนะ ชื่อว่าย่อมให้ฐานะ ๔ แก่ปฏิคาหก ฐานะ ๔ เป็นไฉนคือ ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ครั้นให้อายุแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้วรรณะแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งวรรณะอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้สุขแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสุขะ อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้พละแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งพละอันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ดูกรนางสุปปวาสา อริยสาวิกา เมื่อให้โภชนะ ชื่อว่าย่อมให้ฐานะ ๔ ประการนี้แก่ปฏิคาหก ฯ
(ภาษาไทย) จตุกฺก. อํ. ๒๑/๖๑/๕๗