วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พระอาจารย์คึกฤทธิ์-สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์_2015-05-16



การที่ใครคิดอกุศล อกุศลก็เป็นของคน คนนั้น

เพราะคนนั้นเข้าไปยึดสิ่งนั้นอยู่..แต่..ถ้าเราไปด่าตอบเขา

จิตเราก็เป็นอกุศลด้วย..เรียกว่าบริโภคอกุศลร่วมกัน.

พระศาสดาก็เลยบอกว่า..ไม่ให้..ไปโกรธตอบ..ด่าตอบ..

**เพราะอารมณ์ต่างๆ นั้น คือ ภพ

คือที่ตั้งของวิญญาณ..คือ.ภพ..คือ..ที่เกิด..คือ..กรรม

ซึ่งจะมีอัตภาพ..ดี..ไม่ดี..ตามพื้นนาที่เป็นลักษณะของกรรม.

.อันเป็นพื้นนาเลว

พื้นนาปลานกลาง

พื้นนาดี

พระองค์ตรัสว่า..

ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าบุคคลย่อมคิดถึงสิ่งใดอยู่ (เจเตติ)

ย่อมดำริถึงสิ่งใดอยู่ (ปกปฺเปติ)

และย่อมมีจิตฝังลงไปในสิ่งใดอยู่ (อนุเสติ)

สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ.

เมื่ออารมณ์ มีอยู่,

ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณ ย่อมมี;

เมื่อวิญญาณนั้น ตั้งขึ้นเฉพาะ เจริญงอกงามแล้ว,

ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป ย่อมมี ;

เมื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป มี,

ชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย

จึงเกิดขึ้นครบถ้วนต่อไป :

ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้

ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

------------------

นิทาน. สํ. ๑๖/๗๘/๑๔๕.

--

จิตไปตั้งอยู่ในอารมณ์นั้น สัตว์ปล่อยการยึดถือซึ่งกาย..

แล้วก็ไปตั้งอาศัย..ใน.อารมณ์นั้น..ขณะตั้งอาศัยอยู่ในอารมณ์นั้น

อยู่ที่ว่า..อารมณ์นั้น..เป็นกุศล..หรือ...อกุศล

--

ตั้งอาศัยแล้วก็..เราก็ผูกติดกับอารมณ์นั้นไป..ด้วยอำนาจของความเพลิน

ก็เรียกว่า..เจริญงอกงามไพบูรณ์..ใน..อารมณ์นั้น..

--

หรือเปลี่ยบเหมือนเมล็ดพื้นปลิวตกลงไปในพื้นนาแล้วงอกออกมาเป็นต้น

เพลินพอใจกับอารมณ์นั้น..หรือ..ผูกติดกับอารมณ์.

.อัตภาพก็จะได้ไปตามอารมณ์นั้น..

--

-ถ้าร่างกายตายไป..จิตไปอยู่ตรงไหน..ความเป็นเรายังอยู่ในจิต

..จิตไปอยู่ใน..พื้นนาใด..อัตภาพเราจะได้ตามพื้นนานั้นต่อไป

--

พระศาสดาจึงตรัสให้เราละอกุศลวิตกให้ไว..ที่สุด

อกุศลเกิดมาแล้ว..ก็ต้องดับให้ไว..ที่สุด..

-

ภิกษุนั้น พึงกระทำซึ่งฉันทะ (ความพอใจ)

วายามะ (ความพยายาม)

อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี (ความขมักเขม้น)

อัปปฏิวานี (ความไม่ถอยหลัง)

สติและสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า

เพื่อละเสียซึ่งธรรมอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้น

เช่นเดียวกับ บุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว

จะพึงกระทำ ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี

สติและสัมปชัญญะอันแรงกล้า

เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย,

ฉันใดก็ฉันนั้น.

ทสก. อํ. ๒๔/๙๗/๕๑.

----



การไปโกรธตอบหรือบริภาษ..ผู้ที่โกรธเราแล้ว..

..พระศาสดาไม่ให้ด่าตอบ...นาทีที่ 15.21>>>https://www.youtube.com/watch?v=C2o1LJVSI0w&feature=share

พระศาสดาบอกว่า

--

ดูก่อนพราหมณ์

ผู้ใดด่าตอบบุคคลผู้ด่าอยู่

โกรธตอบบุคคลผู้โกรธอยู่

หมายมั่นตอบบุคคลผู้หมายมั่นอยู่

ดูก่อนพราหมณ์

ผู้นี้เรากล่าวว่า

ย่อมบริโภคด้วยกัน ย่อมกระทำตอบกัน

-

เรานั้นไม่บริโภคร่วม

ไม่กระทำตอบด้วยท่านเป็นอันขาด

-

ดูก่อนพราหมณ์

เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้น

เป็นของท่านผู้เดียว

-

--พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๕

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค

หน้าที่ ๑๙๕/๒๘๙ ข้อที่ ๖๓๑

----------

อ่านพุทธวจนเพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E-Tipitaka

http://etipitaka.com/read…#

-----

"การที่ใครคิดอกุศล  อกุศลก็เป็นของคน คนนั้น

เพราะคนนั้นเข้าไปยึดสิ่งนั้นอยู่..แต่..ถ้าเราไปด่าตอบเขา

จิตเราก็เป็นอกุศลด้วย..เรียกว่าบริโภคอกุศลร่วมกัน.

พระศาสดาก็เลยบอกว่า..ไม่ให้..ไปโกรธตอบ..ด่าตอบ..

**เพราะอารมณ์ต่างๆ นั้น คือ ภพ

คือที่ตั้งของวิญญาณ..คือ.ภพ..คือ..ที่เกิด..คือ..กรรม

ซึ่งจะมีอัตภาพ..ดี..ไม่ดี..ตามพื้นนาที่เป็นลักษณะของกรรม.

.อันเป็นพื้นนาเลว

พื้นนาปลานกลาง

พื้นนาดี

พระองค์ตรัสว่า..

 ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าบุคคลย่อมคิดถึงสิ่งใดอยู่ (เจเตติ)

ย่อมดำริถึงสิ่งใดอยู่ (ปกปฺเปติ)

และย่อมมีจิตฝังลงไปในสิ่งใดอยู่ (อนุเสติ)

สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ.

เมื่ออารมณ์ มีอยู่,

ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณ ย่อมมี;

เมื่อวิญญาณนั้น ตั้งขึ้นเฉพาะ เจริญงอกงามแล้ว,

ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป ย่อมมี ;

เมื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป มี,

ชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย

จึงเกิดขึ้นครบถ้วนต่อไป :

ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้

ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

------------------

นิทาน. สํ. ๑๖/๗๘/๑๔๕.

--

จิตไปตั้งอยู่ในอารมณ์นั้น  สัตว์ปล่อยการยึดถือซึ่งกาย..

แล้วก็ไปตั้งอาศัย..ใน.อารมณ์นั้น..ขณะตั้งอาศัยอยู่ในอารมณ์นั้น

อยู่ที่ว่า..อารมณ์นั้น..เป็นกุศล..หรือ...อกุศล

--

ตั้งอาศัยแล้วก็..เราก็ผูกติดกับอารมณ์นั้นไป..ด้วยอำนาจของความเพลิน

ก็เรียกว่า..เจริญงอกงามไพบูรณ์..ใน..อารมณ์นั้น..

--

หรือเปลี่ยบเหมือนเมล็ดพื้นปลิวตกลงไปในพื้นนาแล้วงอกออกมาเป็นต้น

เพลินพอใจกับอารมณ์นั้น..หรือ..ผูกติดกับอารมณ์.

.อัตภาพก็จะได้ไปตามอารมณ์นั้น..

--

-ถ้าร่างกายตายไป..จิตไปอยู่ตรงไหน..ความเป็นเรายังอยู่ในจิต

..จิตไปอยู่ใน..พื้นนาใด..อัตภาพเราจะได้ตามพื้นนานั้นต่อไป

--

 พระศาสดาจึงตรัสให้เราละอกุศลวิตกให้ไว..ที่สุด

อกุศลเกิดมาแล้ว..ก็ต้องดับให้ไว..ที่สุด..

-

ภิกษุนั้น พึงกระทำซึ่งฉันทะ (ความพอใจ)

วายามะ (ความพยายาม)

อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี (ความขมักเขม้น)

อัปปฏิวานี (ความไม่ถอยหลัง)

สติและสัมปชัญญะ อย่างแรงกล้า

เพื่อละเสียซึ่งธรรมอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้น



เช่นเดียวกับ บุคคลผู้มีเสื้อผ้าหรือศีรษะอันไฟลุกโพลงแล้ว

จะพึงกระทำ ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬ๎หี อัปปฏิวานี

สติและสัมปชัญญะอันแรงกล้า

เพื่อจะดับไฟที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะนั้นเสีย,

ฉันใดก็ฉันนั้น.

ทสก. อํ. ๒๔/๙๗/๕๑.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น