วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สนทนาธรรมเช้าวันจันทร์ที่ 02 พฤษภาคม 2559



#ดึงมวยผมให้ไปฟังธรรม..#โชลติปาลมานพจากพุทธประวัติ(พระอาจารย์นำมาถ่ายทอดบอกสอน เพิ่งจะเจอพระสูตร)
ภาพฆฏิการะ ยอมดึงผมของโชติปาลมานพ
ชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์ซึ่งมีชาติตระกูลสูงกว่า
เพียงเพื่อชวนไปพบพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
บทย่อ:….”….อานนท์ ลำดับนั้น
ฆฏิการะนายช่างหม้อจึงเหนี่ยวโชติปาละมานพ
ผู้อาบน้ำสระผมเรียบร้อยแล้ว เข้าที่มวยผม
และกล่าวดังนั้นอีก
อานนท์ โชติปาละมานพนั้น
ได้เกิดความคิดขึ้นภายในใจว่า
“น่าอัศจรรย์หนอ ไม่เคยมีมาเลย
ข้อที่ฆฏิการะนายช่างหม้อที่มีชาติอันต่ำ
มาอาจเอื้อมจับเราที่มวยผม
เรื่องนี้จะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้วหนอ” ดังนี้

มานพนั้นจึงกล่าวกับฆฏิการะนายช่างหม้อว่า”
เพื่อนฆฏฺิการะ นี่จะเอาเป็นเอาตายกันเชียวรึ”

“เอาเป็นเอาตายกันทีเดียวล่ะ
เพื่อนโชติปาละ
เพราะการเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการดีจริงๆ”

“เอาล่ะ เอาล่ะ เพื่อนฆฏิการะ
ถ้าเช่นนั้นก็จงปล่อย เราจะไปด้วยกันล่ะ”

อานนท์ ลำดับนั้นฆฏิการะและโชติปาละมานพ
ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกัสสปะถึงที่ประทับ…..”…

…………………………………………………………………..

…เรื่องช่างหม้อชื่อฆฏิการะ
[๔๐๕] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้ปูผ้าสังฆาฏิสี่ชั้นถวาย
แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาค
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ถ้าอย่างนั้นขอพระผู้มีพระภาคประทับนั่งเถิด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ภูมิประเทศนี้
จักได้เป็นส่วนที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสองพระองค์ทรงบริโภค.
พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนอาสนะที่ท่านพระอานนท์ปูถวายแล้ว.
จึงตรัสกะพระอานนท์ว่า
ดูกรอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว
ในประเทศนี้มีนิคมชื่อเวภฬิคะ
เป็นนิคมมั่งคั่งและเจริญมีคนมาก
มีมนุษย์หนาแน่น.
ดูกรอานนท์ พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงอาศัยเวภฬิคนิคมอยู่
ได้ยินว่า ที่นี่เป็นพระอารามของพระผู้มีพระภาค
ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า.
ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาพุทธเจ้า
ประทับนั่งตรัสสอนภิกษุสงฆ์ที่นี่.
และในเวภฬิคนิคม มีช่างหม้อชื่อฆฏิการะ
เป็นอุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นอุปัฏฐากผู้เลิศ.
มีมาณพชื่อโชติปาละเป็นสหายของช่างหม้อชื่อฆฏิการะ
เป็นสหายที่รัก.
-
ครั้งนั้นฆฏิการะช่างหม้อเรียกโชติปาลมาณพมาว่า
มาเถิดเพื่อนโชติปาละ
เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะว่าการที่เราได้เห็น
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สมมติ
กันว่าเป็นความดี.
-
[๔๐๖] ดูกรอานนท์
เมื่อฆฏิการะช่างหม้อกล่าวอย่างนี้แล้ว
โชติปาลมาณพได้กล่าวว่า
อย่าเลยเพื่อนฆฏิการะ
จะมีประโยชน์อะไรด้วยพระสมณะศีรษะโล้นนั้นที่เราเห็นแล้วเล่า?
-
ดูกรอานนท์ แม้ครั้งที่สอง
ฆฏิการะช่างหม้อก็ได้กล่าวกะโชติปาลมาณพว่า
มาเถิดเพื่อนโชติปาละ
เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะว่าการที่เราได้เห็นพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สมมติกันว่าเป็นความดี.
-
แม้ครั้งที่สอง โชติปาลมาณพก็ได้กล่าวว่า
อย่าเลยเพื่อนฆฏิการะ
จะมีประโยชน์อะไรด้วยพระสมณะศีรษะโล้น
นั้นที่เราเห็นแล้วเล่า?
แม้ครั้งที่สาม ฆฏิการะช่างหม้อก็ได้กล่าวว่า
มาเถิดเพื่อนโชติปาละ
เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะว่าการที่เราได้เห็นพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สมมติกันว่าเป็นความดี.
-
ดูกรอานนท์ แม้ครั้งที่สาม
โชติปาลมาณพก็กล่าวว่า อย่าเลยเพื่อน
ฆฏิการะ จะมีประโยชน์อะไรด้วยพระสมณะศีรษะโล้น
นั้นที่เราเห็นแล้วเล่า?
-
ฆ. เพื่อนโชติปาละ ถ้าอย่างนั้น
เรามาถือเอาเครื่องสำหรับสีตัวเมื่อเวลาอาบน้ำไป
แม่น้ำเพื่ออาบน้ำกันเถิด
โชติปาลมาณพรับคำฆฏิการะช่างหม้อแล้ว.
-
[๔๐๗] ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น
ฆฏิการะช่างหม้อและโชติปาลมาณพ
ได้ถือเอาเครื่องสำหรับสีตัวเมื่อเวลาอาบน้ำ
ไปยังแม่น้ำเพื่ออาบน้ำ.
ครั้งนั้นแล ฆฏิการะช่างหม้อ
ได้เรียกโชติปาลมาณพมากล่าวว่า
เพื่อนโชติปาละ
นี้ก็ไม่ไกลพระอารามของพระผู้มีพระภาค
ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาเถิดเพื่อนโชติปาละ
เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะว่าการที่เราได้เห็น
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สมมติกันว่าเป็นความดี.
-
[๔๐๘] ดูกรอานนท์
เมื่อฆฏิการะช่างหม้อกล่าวอย่างนี้แล้ว
โชติปาลมาณพได้กล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อว่า
อย่าเลยเพื่อนฆฏิการะ
จะมีประโยชน์อะไรด้วยพระสมณะศีรษะโล้นนั้น
ที่เราเห็นแล้วเล่า?
แม้ครั้งที่สอง ...
แม้ครั้งที่สาม
ฆฏิการะช่างหม้อก็ได้เรียกโชติปาลมาณพมากล่าวว่า
เพื่อนโชติปาละ นี้ไม่ไกลพระอาราม
ของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาเถิดเพื่อนโชติปาละ
เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะว่าการที่เราได้เห็นพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
สมมติกันว่าเป็นความดี.
-
แม้ครั้งที่สามโชติปาลมาณพก็ได้กล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อว่า
อย่าเลยเพื่อนฆฏิการะ
จะมีประโยชน์อะไรด้วยพระสมณะศีรษะโล้นนั้น
ที่เราเห็นแล้วเล่า?
-
[๔๐๙] ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น
ฆฏิการะช่างหม้อได้จับโชติปาลมาณพที่ชายพกแล้ว
กล่าวว่า เพื่อนโชติปาละ นี้ก็ไม่ไกลพระอาราม
ของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาเถิดเพื่อนโชติปาละ
เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะว่าการที่เราได้เห็น
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สมมติกันว่าเป็นความดี.
-
ลำดับนั้น โชติปาลมาณพให้ฆฏิการะช่างหม้อ
ปล่อยชายพกแล้วกล่าวว่า
อย่าเลยเพื่อนฆฏิการะ
จะมีประโยชน์อะไรด้วยพระสมณะศีรษะโล้น
นั้นที่เราเห็นแล้วเล่า?
-
ดูกรอานนท์ ลำดับนั้น
ฆฏิการะช่างหม้อจับโชติปาละผู้อาบน้ำดำเกล้าที่ผมแล้วกล่าวว่า
เพื่อนโชติปาละ นี้ไม่ไกลพระอาราม
ของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาเถิดเพื่อนโชติปาละ
เราจักเข้าไปเฝ้าพระมีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะว่าการที่เราได้เห็น
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สมมติกันว่าเป็นความดี.
ครั้งนั้น โชติปาลมาณพมีความคิดว่า
น่าอัศจรรย์หนอท่าน
ไม่เคยมีมาหนอท่าน
ที่ฆฏิการะช่างหม้อผู้มีชาติต่ำ
มาจับที่ผมของเราผู้อาบน้ำดำเกล้าแล้ว
การที่เราจะไปนี้
เห็นจะไม่เป็นการไปเล็กน้อยหนอ
ดังนี้แล้ว
-
ได้กล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อว่า
เพื่อนฆฏิการะ การที่เพื่อนทำความพยายาม
ตั้งแต่ชักชวนด้วยวาจา
จับที่ชายพก
จนล่วงเลยถึงจับที่ผมนั้น
ก็เพื่อจะชวน
ให้กันไปในสำนักพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
เท่านั้นเองหรือ?
-
ฆ. เท่านั้นเองเพื่อนโชติปาละ
จริงเช่นนั้นเพื่อน
ก็การที่เราได้เห็น
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
เป็นความดี.
-
โช. เพื่อนฆฏิการะ
ถ้าอย่างนั้น จงปล่อยเถิด เราจักไป.
-
[๔๑๐] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น
ฆฏิการะช่างหม้อและโชติปาลมาณพ
ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงที่ประทับ
แล้วฆฏิการะช่างหม้อถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
ทรงพระนามว่ากัสสป ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
ส่วนโชติปาลมาณพได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
ทรงพระนามว่ากัสสปผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
ฆฏิการะช่างหม้อนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
นี่โชติปาลมาณพ
เป็นสหายที่รักของข้าพระพุทธเจ้า
ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงธรรม
แก่โชติปาลมาณพนี้เถิด.
-
[๔๑๑] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น
พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงยังฆฏิการะช่างหม้อ และโชติปาลมาณพให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน
ให้อาจหาญ
ให้ร่าเริงด้วยธรรมีกถา
ลำดับนั้น
ฆฏิการะช่างหม้อ และโชติปาลมาณพ
อันพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน
ให้อาจหาญ
ให้ร่าเริงด้วยธรรมีกถา
เพลิดเพลินชื่นชม
พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาท
พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป.
-
[๔๑๒] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น โชติปาลมาณพ
ได้ถามฆฏิการะช่างหม้อว่า เพื่อนฆฏิการะ
เมื่อท่านฟังธรรมนี้อยู่
และเมื่อเช่นนั้นท่านจะออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิตหรือหนอ?
/
ฆ. เพื่อนโชติปาละ
ท่านก็รู้อยู่ว่า เราต้องเลี้ยงมารดาบิดา
ซึ่งเป็นคนตาบอดผู้ชราแล้ว
มิใช่หรือ?
/
โช. เพื่อนฆฏิการะ ถ้าเช่นนั้น
เราจักออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต.
/
[๔๑๓] ดูกรอานนท์
ครั้งนั้น ฆฏิการะช่างหม้อและโชติปาลมาณพ
ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
/
ฆฏิการะช่างหม้อได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
นี่โชติปาลมาณพเป็นสหายที่รักของข้าพระพุทธเจ้า
ขอพระผู้มีพระภาคทรงให้โชติปาลมาณพนี้บวชเถิด ดังนี้
/
โชติปาลมาณพได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว
ในสำนักพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า.
ครั้นเมื่อโชติปาลมาณพอุปสมบทแล้ว
ไม่นานประมาณกึ่งเดือน
พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสป
ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ประทับอยู่ในเวภฬิคนิคมตามควรแก่พระพุทธาภิรมย์แล้ว
เสด็จหลีกจาริกไปทางพระนครพาราณสี
เสด็จจาริกไป
โดยลำดับ ถึงพระนครพาราณสีแล้ว.
---
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
หน้าที่ ๒๘๘ ข้อที่ ๔๐๓ - ๔๐๔
----
http://etipitaka.com/read/thai/13/288/?keywords=%E0%B8%86%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0
----
https://www.youtube.com/watch?v=myj4-6sLbU8&feature=youtu.be
----

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น