หลังฉัน วัดนาป่าพง
รู้จักยัง? ... แก่น ..กระพี้...เปลือก..สะเก็ด.
#อุปมาพรหมจรรย์กับแก่นไม้
[๓๔๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ
เขตพระนครราชคฤห์. เมื่อพระเทวทัตต์หลีกไปไม่น
พระผู้มีพระภาคทรงปรารภพระเ
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กุลบุตรบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา
ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ
ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
-
ยังลาภสักการะ
และความสรรเสริญให้บังเกิดข
-
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยมด้วยลา
และความสรรเสริญนั้น.
-
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
-
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า
เรามีลาภสักการะและความสรรเ
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ มีศักดาน้อย.
เขาย่อมมัวเมา
ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความ
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก
ละเลยเสก็ดไปเสีย
#ตัดเอากิ่งและใบถือไป #สำคัญว่าแก่น.
-
บุรุษผู้มีจักษุ เห็นเขาผู้นั้นแล้ว
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้
ไม่รู้จักแก่นไม้ ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก
ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น
บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่ มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น
ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยเสก็ดไปเสีย
ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา
-
กุลบุตรบางคนในโลกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปยาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์
ลาภสักการะและความสรรเสริญอ
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า
-
เรามีลาภสักการะและความสรรเ
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ
[หรือมีคนรู้จักน้อย] มีศักดาน้อย
เขาย่อมมัวเมา
ถึงความประมาทเพราะลาภสักกา
และความสรรเสริญนั้น
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เราเรียกว่า
ได้ถือเอากิ่งและใบของพรหมจ
และถึงที่สุดแค่กิ่งและใบนั
#สะเก็ดพรหมจรรย์
[๓๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กุลบุตรบางคนในโลกนี้
มีศรัทธาออกจากเรือนบวชเป็น
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งทุกข์ทั
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
-
ยังลาภสักการะและความสรรเสร
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะและความสรรเส
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะ
และความสรรเสริญอันนั้น.
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
-
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
-
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยม
ด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้
-
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอั
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า
เรามีศีล
มีกัลยาณธรรม
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ เป็นผู้ทุศีล มีบาปธรรม.
เขาย่อมมัวเมา
ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือน บุรุษผู้มีความต้องการแก่นไ
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือกไปเสีย
ถากเอาสะเก็ดถือไป สำคัญว่าแก่น.
-
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้น
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้
ไม่รู้จักแก่นไม้ ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก
ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ
-
เป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอความกระทำที่สุดแห่งก
จะพึงปรากฏ.
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
ยังลาภสักการะ
และความสรรเสริญให้บังเกิดข
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะและความสรรเส
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะและสรรเสริญ
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยม
ด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอั
-
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีศีล มีกัลยาณธรรม
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ เป็นผู้ทุศีล มีบาปธรรม
เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนี้เรียกว่า ได้ถือเอาสะเก็ดของพรหมจรรย
และถึงที่สุดแค่สะเก็ดนั้น.
-
#เปลือกพรหมจรรย์
[๓๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรบางคนในโลกนี้
มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
ยังลาภสักการะและความสรรเสร
-
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะและความสรรเส
-
เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะ
และความสรรเสริญอันนั้น.
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
-
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
เขามีความยินดีด้วยความถึงพ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอั
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมา
-
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยม
ด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธิน
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
-
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า
เรามีจิตตั้งมั่น
มีจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้
มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตหมุนไปผิดแล้ว.
-
เขาย่อมมัวเมาถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความ
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสีย
ถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น.
-
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้น
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น
ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด
ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น
บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสีย
ถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา
ฉันใด กุลบุตรบางคนในโลก
นี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีศรัทธา
ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
ยังลาภสักการะและความสรรเสร
-
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะและความสรรเส
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
-
เขามีความยินดีด้วยความถึงพ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมา
-
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยม
ด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธิน
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
-
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่น
ว่าเรามีจิตตั้งมั่น
มีจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้
มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตหมุนไปผิดแล้ว.
-
เขาย่อมมัวเมา
ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เราเรียกว่า
ได้ถือเอาเปลือกแห่งพรหมจรร
และถึงที่สุดแค่เปลือกนั้น.
-
#กระพี้พรหมจรรย์
[๓๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กุลบุตรบางคนในโลกนี้
มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
ยังลาภสักการะ และ
ความสรรเสริญให้บังเกิดขึ้น
-
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น.
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
เขามีความยินดี ด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะเพราะความถึงพร้อมแห่ง
นั้นเมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแ
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมา
-
เขามีความยินดีด้วยความถึงพ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ.
-
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยมแล้วด้
เพราะญาณทัสสนะนั้น
-
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรารู้เราเห็นอยู่
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ไม่รู้ ไม่เห็นอยู่.
-
เขาย่อมมัวเมา
ถึงความประมาท
เพราะญาณทัสสนะนั้น
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความ
เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ละเลยแก่นไปเสีย ถากเอากระพี้ถือไป สำคัญว่าแก่น.
-
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้น
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้
ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ไม่รู้จักเป
ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น
บุรุษผู้เจริญนี้มีความต้อง
เสาะหาแก่นไม้อยู่ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ถากเอากระพี้ถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา
ฉันใด กุลบุตรบางคนในโลกนี้
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีศรัทธา ออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า
เราเป็นอันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
ยังลาภสักการะและความสรรเสร
-
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น.
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น.
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
-
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
-
เขามีความยินดีด้วยความถึงพ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมา
เขามีความยินดีด้วยความถึงพ
-
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ.
-
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยมแล้วด้
เพราะญาณทัสสนะอันนั้น
-
เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรารู้เราเห็นอยู่
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ไม่รู้ไ
เขาย่อมมัวเมา ถึงความประมาท
เพราะญาณทัสสนะนั้น
เมื่อเป็นผู้ประมาทแล้ว
ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนี้เราเรียกว่า ได้ถือเอากระพี้แห่งพรหมจรร
และถึงที่สุดแค่กระพี้นั้นแ
-
#แก่นพรหมจรรย์
[๓๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กุลบุตรบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา ออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข
เขาบวชอย่างนั้นแล้ว
-
***ยังลาภสักการะและความสรร
-
#เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะและความสรรเส
-
#เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะ
และความสรรเสริญอันนั้น.
-
#เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
***เขามีความยินดีด้วยความถ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอั
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมา
***เขามีความยินดีด้วยความถ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ.
***เขามีความยินดีด้วยญาณทั
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
--
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะญาณทัสสนะนั้น.
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะญาณทัสสนะนั้น
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
***ย่อมยังสมยวิโมกข์ให้สำเ
**************************
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ข้อที่ภิกษุนั้นจะพึงเสื่อม
เป็นฐานะที่จะมีได้.
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความ
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ถากเอาแก่นถือไป รู้จักว่าแก่น.
-
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้น
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ รู้จักแก่น
รู้จักกระพี้ รู้จักเปลือก รู้จักสะเก็ด
รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น
บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอ
ถากเอาแก่นถือไป
รู้จักว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่
จักสำเร็จประโยชน์แก่เขา
ฉันใด กุลบุตรบางคนในโลกนี้
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีศรัทธาออกจากเรือนบวชเป็น
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข
เขาบวชอย่างนี้แล้ว
-
ยังลาภสักการะและความสรรเสร
-
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
ด้วยลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะลาภสักการะและความสรรเ
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีล
-
เขามีความยินดีด้วยความถึงพ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอั
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั
-
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมา
เขามีความยินดีด้วยความถึงพ
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ.
เขามีความยินดีด้วยญาณทัสสน
แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี
-
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น
เพราะญาณทัสสนะนั้น.
-
เขาย่อมไม่มัวเมา
ไม่ถึงความประมาท
เพราะญาณทัสสนะนั้น
เมื่อเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
ย่อมยังสมยวิโมกข์ให้สำเร็จ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ข้อที่ภิกษุนั้นจะพึงเสื่อม
มิใช่ฐานะ
มิใช่โอกาสที่จะมีได้.
-
[๓๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดังพรรณนามาฉะนั้น
พรหมจรรย์นี้
จึงมิใช่มีลาภ
มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งสมา
สักการะและความสรรเสริญเป็น
มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีล
มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสง
-
แต่พรหมจรรย์นี้
มีเจโตวิมุติอันไม่กำเริบ
เป็นประโยชน์
เป็นแก่น
เป็นที่สุด.
-
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุ
ภิกษุเหล่านั้น ชื่นชม ยินดี พระภาษิต
ของพระผู้มีพระภาคแล้วแล.
จบ มหาสาโรปมสูตร ที่ ๙
__________________________
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๒
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
หน้าที่ ๒๖๐ ข้อที่ ๓๕๐
--
http://etipitaka.com/read/
--
https://www.youtube.com/watch?v=52wqjeLpc_Q
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น