วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระอาจารย์คึกฤทธิ์-สนทนาธรรมเช้าวันศุกร์_หลังฉัน2_2015-05-01



#พระสูตรบูชายัญ ประมาณนาทีที่ 33.00

https://www.youtube.com/watch?v=JdmezWaNYjI

อัคคิสูตรที่ ๒

     [๔๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน

อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี

ใกล้พระนครสาวัตถี

ก็สมัยนั้นแล อุคคตสรีรพราหมณ์

ตระเตรียมมหายัญ

โคผู้ ๕๐๐

ลูกโคผู้ ๕๐๐

ลูกโคเมีย ๕๐๐

แพะ๕๐๐

แกะ ๕๐๐

ถูกนำเข้าไปผูกไว้ที่หลัก

เพื่อบูชายัญ

-

ลำดับนั้น อุคคตสรีรพราหมณ์

ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ

ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค

ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว

จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ

ข้าพระองค์ได้สดับมาดังนี้ว่า

-

การก่อไฟ

การปักหลักบูชายัญ

ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกรพราหมณ์

แม้เราก็ได้ฟังมาว่า

การก่อไฟ การปักหลักบูชายัญ

มีผลมาก มีอานิสงส์มาก

 แม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ

แม้ครั้งที่ ๓

อุคคตสรีรพราหมณ์ก็ได้กราบทูลว่า

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ

ข้าพระองค์ได้สดับมาดังนี้ว่า

การก่อไฟ การปักหลักบูชายัญ

มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ

-

 พ. ดูกรพราหมณ์

แม้เราก็ได้ฟังมาว่า

การก่อไฟ

การปักหลักบูชายัญ

มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ

     อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ

ข้อความทั้งหมดของข้าพระองค์

สมกันกับข้อความของท่านพระโคดม ฯ

-

     เมื่ออุคคตสรีรพราหมณ์กราบทูลอย่างนี้แล้ว

ท่านพระอานนท์ ได้กล่าวกะอุคคตสรีรพราหมณ์ว่า

ดูกรพราหมณ์

ท่านไม่ควรถามพระตถาคตอย่างนี้

ว่าข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ

 ข้าพระองค์ได้สดับมาดังนี้ว่า

การก่อไฟ การปักหลักบูชายัญ

มีผลมาก มีอานิสงส์มาก

-

แต่ท่านควรถามพระตถาคตอย่างนี้ว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ

ก็ข้าพระองค์ประสงค์

จะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ขอพระผู้มีพระภาคโปรดตักเตือนสั่งสอนข้อที่จะพึงเป็นไป

เพื่อประโยชน์เกื้อกูล

 เพื่อความสุขตลอดกาลนาน

แก่ข้าพระองค์เถิด

-

ลำดับนั้น อุคคตสรีรพราหมณ์ได้กราบทูล

พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ

ข้าพระองค์ประสงค์จะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ขอท่านพระโคดมโปรดตักเตือนสั่งสอนข้อที่จะพึงเป็นไป

เพื่อประโยชน์เกื้อกูลเพื่อความสุข

ตลอดกาลนาน แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ

-

     พ. ดูกรพราหมณ์ บุคคลเมื่อจะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญ

เบื้องต้นย่อมเงื้อศาตรา ๓ ชนิด

อันเป็นอกุศล

มีทุกข์เป็นกำไร

มีทุกข์เป็นวิบาก

ศาตรา ๓ ชนิดเป็นไฉน

คือ

-

ศาตราทางกาย ๑

ศาตราทางวาจา ๑

ศาตราทางใจ ๑

-

ดูกรพราหมณ์ บุคคลเมื่อจะ

ก่อไฟ

 ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญ

เบื้องต้นทีเดียว

-

ย่อมเกิดความคิดอย่างนี้ว่า

ต้องฆ่าโคผู้เท่านี้ตัว

ลูกโคผู้เท่านี้ตัว

ลูกโคเมียเท่านี้ตัว

แพะเท่านี้ตัว

แกะเท่านี้ตัว

เพื่อบูชายัญ

-

เขาคิดว่าจะทำบุญ แต่กลับทำบาป

คิดว่าจะทำกุศล กลับทำอกุศล

คิดว่าจะแสวงหาทางสุคติ กลับแสวงหาทางทุคติ

-

ดูกรพราหมณ์

บุคคลเมื่อจะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญ

เบื้องต้นทีเดียว

ย่อมเงื้อ

ศาตราทางใจข้อที่ ๑ นี้ อันเป็นอกุศล

มีทุกข์เป็นกำไร

มีทุกข์เป็นวิบาก ฯ

-

     อีกประการหนึ่ง บุคคลเมื่อจะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญเบื้องต้นที่เดียว

-

ย่อมกล่าววาจา (สั่ง) อย่างนี้ว่า

จงฆ่าโคผู้เท่านี้ตัว

ลูกโคผู้เท่านี้ตัว

ลูกโคเมียเท่านี้ตัว

แพะเท่านี้ตัว

แกะเท่านี้ตัว

เพื่อบูชายัญ

-

เขาสั่งว่าจะทำบุญกลับทำบาป

เขาสั่งว่าจะทำกุศลกลับทำอกุศล

เขาสั่งว่าจะแสวงหาทางสุคติกลับแสวงหาทางทุคติ

-

ดูกรพราหมณ์ เมื่อบุคคลจะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญ

เบื้องต้นทีเดียว

ย่อมเงื้อศาตราทางวาจาข้อที่ ๒

นี้อันเป็นอกุศล

มีทุกข์เป็นกำไร

มีทุกข์เป็นวิบาก ฯ

-

     อีกประการหนึ่ง บุคคลเมื่อจะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญเบื้องต้นทีเดียว

ย่อมลงมือด้วยตนเองก่อน

คือต้องฆ่าโคผู้

ลูกโคผู้

ลูกโคเมีย

แพะ

แกะ

เพื่อบูชายัญ

เขาลงมือว่าจะทำบุญ กลับทำบาป

ลงมือว่าจะทำกุศล กลับทำอกุศล

ลงมือว่าจะแสวงหาทางสุคติ กลับแสวงหาทางทุคติ

-

ดูกรพราหมณ์ บุคคลเมื่อจะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญ เบื้องต้นทีเดียว

ย่อมเงื้อศาตราทางกายข้อที่ ๓ นี้

อันเป็นอกุศล

มีทุกข์เป็นกำไร

 มีทุกข์เป็นวิบาก

-

ดูกรพราหมณ์ บุคคลเมื่อจะก่อไฟ

ปักหลักบูชายัญ

ในการบูชายัญ เบื้องต้นทีเดียว

ย่อมเงื้อศาตรา ๓ อย่างนี้

อันเป็นอกุศล

มีทุกข์เป็นกำไร

มีทุกข์เป็นวิบาก

-

ดูกรพราหมณ์

 ท่านพึงละ

พึงเว้น

ไม่พึงเสพไฟ ๓ กองนี้

๓ กองเป็นไฉน

-

ไฟคือราคะ ๑

ไฟคือโทสะ ๑

 ไฟคือโมหะ ๑

-

ดูกรพราหมณ์ ก็เพราะเหตุไรจึงพึงละพึงเว้น

ไม่พึงเสพไฟคือราคะนี้

เพราะบุคคลผู้กำหนัดอันราคะครอบงำย่ำยีจิต

ย่อมประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจได้

ครั้นประพฤติทุจริตทางกายทางวาจาทางใจแล้ว

เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ฉะนั้น

จึงพึงละพึงเว้น

ไม่พึงเสพไฟคือราคะนี้

-

ก็เพราะเหตุไร จึงพึงละพึงเว้น

ไม่พึงเสพไฟคือโทสะนี้

เพราะบุคคลผู้โกรธ

อันโทสะครอบงำย่ำยีจิต

ย่อมประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา   ทางใจได้  

ครั้นประพฤติทุจริตทางกาย   ทางวาจา   ทางใจแล้ว  

เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย   ทุคติ   วินิบาต   นรก   ฉะนั้น  

จึงพึงละ   พึงเว้น   ไม่พึงเสพ  

-

ไฟคือโทสะนี้ ก็เพราะเหตุไร

จึงพึงละ พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟคือโมหะนี้

เพราะบุคคลผู้หลง อันโมหะครอบงำย่ำยีจิต

ย่อมประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจได้

ครั้นประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว

เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก ฉะนั้น

จึงพึงละ พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟคือโมหะนี้

-

ดูกรพราหมณ์ท่านพึงละ พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟ ๓ กองนี้แล

ดูกรพราหมณ์

ไฟ ๓ กองนี้ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา

บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ ๓ กองเป็นไฉนคือ

-

ไฟคืออาหุไนยบุคคล ๑

ไฟคือคหบดี ๑

ไฟคือทักขิไณยบุคคล ๑

-

ดูกรพราหมณ์ ก็ไฟคืออาหุไนยบุคคลเป็นไฉน

ดูกรพราหมณ์ คนในโลกนี้

 คือมารดาหรือบิดา

เรียกว่าไฟคืออาหุไนยบุคคล

ข้อนั้นเพราะอะไร

เพราะบุคคลเกิดมาแต่มารดาบิดานี้ ฉะนั้น

ไฟคืออาหุไนยบุคคล

จึงควรสักการะ เคารพ  นับถือ บูชา

บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ

-

ก็ไฟคือคหบดีเป็นไฉน

คนในโลกนี้  คือ บุตร ภรรยา ทาส หรือคนใช้

นี้เรียกว่าไฟคือคหบดี ฉะนั้น

ไฟคือคหบดีจึงควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา

บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ

-

ก็ไฟคือทักขิไณยบุคคลเป็นไฉน

สมณพราหมณ์ในโลกนี้

งดเว้นจากความมัวเมาประมาท

ตั้งอยู่ในขันติและโสรัจจะ

ฝึกฝนจิตใจให้สงบ

ดับร้อนได้เป็นเอก

นี้เรียกว่า

ไฟคือทักขิไณยบุคคล ฉะนั้น

-

ไฟคือทักขิไณยบุคคลนี้

จึงควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา

บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ

-

ดูกรพราหมณ์ ไฟ ๓ กองนี้แล

ควรสักการะ เคารพ นับถือ  บูชา

บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ

-

ส่วนไฟที่เกิดแต่ไม้

พึงก่อให้โพลงขึ้น

พึงเพ่งดู

พึงดับ

พึงเก็บไว้ตามกาลที่สมควร ฯ

-

   เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว

อุคคตสรีรพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ

ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ

ขอท่านพระโคดมผู้เจริญ

โปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า

เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ

-

ข้าพระองค์นี้จะปล่อย

โคผู้ ๕๐๐ลูกโคผู้ ๕๐๐ ลูกโคเมีย ๕๐๐

แพะ ๕๐๐ แกะ ๕๐๐ ให้ชีวิตมัน

พวกมันจะได้พากันไปกินหญ้าอันเขียวสด

ดื่มน้ำเย็นสะอาด

และรับลมอันเย็นสดชื่น ฯ

                          จบสูตรที่ ๔



พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๓

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

หน้าที่ ๔๑ ข้อที่ ๔๓ - ๔๔

-

http://etipitaka.com/read/thai/23/41/?keywords=%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%20%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2

-

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น