วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระอาจารย์คึกฤทธิ์-สนทนาธรรมระบบ video conference กับ กลุ่มพุทธวจน จ.ปัต...



คลิปนี้ลึกมาก(เก็บไว้ดูซ้ำๆ)..ผู้ใดเห็นปฏิจฯ ผู้นั้นเห็นธรรม..
ผู้ใดเห็นธรรม ..ผู้นั้นเห็นเราตถาคต
สาธุๆๆ คะ พระอาจารย์แจกแจงได้..ละเอียด..ลึกซึ่งมาก..แจ่มแจ้งนักพระเจ้าข้า
ประมาณนาทีที่ 8.30..https://www.youtube.com/watch?v=keScfxx7Q0M
มีสิ่งๆ หนึ่ง มา หลงยึด ขันธ์๕ เรียกว่า สัตว์
สัตว์=ส่ิงๆ หนึ่ง + ขันธ์๕
พระสูตรที่สอดรับกัน(บางส่วน พระอาจารย์โยงพระสูตรเป็นร้อย)
-สิ่งๆ หนึ่ง
-สัตว์
-ปัญจขันธสูตร
--
‪#‎สิ่ง‬ ‪#‎สิ่งหนึ่ง‬
ภิกษุ ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้:“สิ่ง” สิ่งหนึ่ง
ซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง
เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ไม่ม­ีที่สุด
แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดย­รอบ,นั้นมีอยู่.
ใน “สิ่ง”นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้. ใน “สิ่ง”
นั้นแหละความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม
ไม่หยั่งลงได้. ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูปย่อมดับสนิท ไม่มีเศษเหลือ.
นามรูป ดับสนิทใน “สิ่ง” นี้ เพราะการดับสนิทของวิญญาณ, ดังนี้”.
บาลี เกวัฏฏสูตร สี. ที. ๙/๒๗๗/๓๔๓.
ตรัสแก่เกวัฏฏะคหบดี ที่ปาวาริกัมพวัน เมืองนาลันทา.
---
‪#‎สัตว์‬
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกกันว่า ‘สัตว์ สัตว์’ ดังนี้,
อันว่าสัตว์มีได้ ด้วยเหตุเพียงไรเล่า พระเจ้าข้า
ราธะ !
ฉันทะ (ความพอใจ)
ราคะ (ความกําหนัด)
นันทิ (ความเพลิน)
ตัณหา (ความอยาก)
ใดๆ มีอยูใน
‪#‎รูป‬ เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในรูปนั้น
เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า “สัตว์” (ผู้ข้องติดในขันธ์ทั้ง ๕) ดังนี้.
ราธะ !
ฉันทะ
ราคะ
นันทิ
ตัณหา
ใดๆ มีอยูใน
‪#‎เวทนา‬ (ความรู้สึกสุข ทุกข์และไม่สุขไม่ทุกข์)
เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในเวทนานั้น
เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า “สัตว์” ดังนี้.
ราธะ !
ฉันทะ
ราคะ
นันทิ
ตัณหา
ใดๆ มีอยู่ใน
‪#‎สัญญา‬ (ความหมายรู้)
เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในสัญญานั้น
เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า “สัตว์” ดังนี้.
ราธะ !
ฉันทะ
ราคะ
นันทิ
ตัณหา
ใดๆ มีอยู่ใน
‪#‎สังขารทั้งหลาย‬ (ความปรุงแต่ง)
เพราะการติดแล้ว
ข้องแล้วในสังขารทั้งหลายนั้น
เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า “สัตว์” ดังนี้.
ราธะ !
ฉันทะ
ราคะ
นันทิ
ตัณหา
ใดๆ มีอยูใน
‪#‎วิญญาณ‬
เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในวิญญาณนั้น
เพราะฉะนั้น จึงเรียกวา “สัตว์” ดังนี้แล.
พุทธวจน ภพภูมิ หน้า ๒๓.
(ภาษาไทย) ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๑/๓๖๗.
---
‪#‎ขันธ์๕‬
‪#‎อุปาทานขันธ์๕‬
‪#‎ที่ตั้้งแห่งอุปาทานขันธ์๕‬
‪#‎อุปาทานขันธสูตร‬
[๒๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ รูปูปาทานักขันธ์ ๑ เวทนูปาทานักขันธ์ ๑ สัญญูปาทานักขันธ์ ๑ สังขารูปาทานักขันธ์ ๑ วิญญาณูปาทานักขันธ์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้แล ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เพื่อละ อุปาทานักขันธ์ ๕ ประการนี้แล ฯ
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓)
--------------------
พุทธพจน์ ‪#‎แสดงขันธ์‬ ๕ ‪#‎และอุปาทานขันธ์‬ ๕
ปัญจขันธสูตร
[๙๕] ....."ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงขันธ์ ๕ และอุปาทานขันธ์ ๕ เธอทั้งหลายจงฟัง"
"ขันธ์ ๕ เป็นไฉน ? รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม เหล่านี้ เรียกว่า ขันธ์ ๕".....
[๙๖] ....."อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน ? รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม ที่ประกอบด้วยอาสวะ เป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน(หรือถูกอุปาทานครอบงำในปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง)...เหล่านี้ เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕"....
(สํ.ข. ๑๗ / ๙๕-๙๖ /๕๘-๖๐)
--------------------------
"ภิกษุทั้งหลาย
เราจักแสดงธรรมทั้งหลายซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
และตัวอุปาทาน เธอทั้งหลายจงฟัง.
"รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ คือ ธรรม(สิ่ง)อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน (ส่วน)ฉันทราคะ(ก็คือตัณหา) ในรูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ นั้นคือ อุปาทานในสิ่งนั้นๆ"
(ฉันทะราคะ คือความชอบใจจนติด หรืออยากอย่างแรงจนยึดติด กล่าวคือตัณหา จึงเป็นเหตุปัจจัยจึงมีอุปาทานครอบงำ)
(สํ.ข. ๑๗ / ๓๐๙ / ๒๐๒)
http://etipitaka.com/read/thai/17/47/…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น