***ว่าด้วยพระพุทธองค์ไม่ขั ดแย้งกับโลก***
************************** *****************
[๒๓๙] พระนครสาวัตถี ฯลฯ สมัยนั้นแล
พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิก ษุทั้งหลาย มาแล้วตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่ขัดแย้งกับโลก. แต่โลกย่อมขัดแย้งกับเรา.
ผู้กล่าวเป็นธรรมย่อมไม่ขัด แย้งกับใครๆ ในโลก
สิ่งใดที่บัณฑิตในโลกสมมติว ่า ไม่มี แม้เราก็กล่าวสิ่งนั้นว่า ไม่มี.
สิ่งใดที่บัณฑิตในโลก สมมติว่า มี แม้เราก็กล่าวสิ่งนั้นว่า มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า ไม่มี ซึ่งเราก็กล่าวว่าไม่มีนั้น คืออะไร? คือ
รูป
ที่เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา
บัณฑิตในโลกสมมติว่า ไม่มี แม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า ไม่มี.
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ที่เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา
โลกสมมติว่า ไม่มี แม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า ไม่มี.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้แหละที่เป็นบัณฑิตในโลกส มมติว่า ไม่มี ซึ่งเราก็กล่าวว่า ไม่มี.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี ซึ่งเราก็กล่าวว่ามีนั้น คืออะไร.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูป
ที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี แม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า มี.
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ที่บัณฑิตในโลกสมมุติว่า มี แม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า มี.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้แหละที่บัณฑิตในโลกสมมุต ิว่า มี ซึ่งเราก็กล่าวว่า มี.
[๒๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
โลกธรรมมีอยู่ในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้
ทราบชัดโลกธรรมนั้น ครั้นแล้วย่อม
บอก
แสดง
บัญญัติ
แต่งตั้ง
เปิดเผย
จำแนก
กระทำให้ตื้น.
ก็โลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้
ทราบชัดโลกธรรม ครั้นแล้ว
ย่อมบอก
แสดง
บัญญัติ
แต่งตั้ง
เปิดเผย
จำแนก
กระทำให้ตื้นนั้น คืออะไร?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คือ
รูป
เป็นโลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้
ทราบชัดโลกธรรมนั้น ฯลฯ
กระทำให้ตื้น.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลใด
เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้ ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น
เราจะกระทำอะไรได้กะบุคคลนั ้น
ผู้เป็นปุถุชนคนพาล
บอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น.
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ทราบชัดโลกธรรมนั้น ครั้นแล้ว
ย่อมบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น.
บุคคลใด เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น เราจะกระทำอะไรได้กะบุคคลนั ้น
ผู้เป็นปุถุชนคนพาล บอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น.
[๒๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบลก็ดี ปทุมก็ดี บุณฑริกก็ดี เกิดแล้วในน้ำ
เจริญแล้วในน้ำ ขึ้นพ้นจากน้ำตั้งอยู่ แต่น้ำไม่ติด แม้ฉันใด.
พระตถาคตเกิดแล้วในโลก เจริญแล้วในโลก
ย่อมครอบงำโลกอยู่
แต่โลกฉาบทาไม่ได้
ฉันนั้นเหมือนกันแล.
จบ สูตรที่ ๒.
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๗
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
หน้าที่ ๑๓๓/๓๑๐ ข้อที่ ๒๓๙-๒๔๐
************************** ***********
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติม ได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/ read?keywords=อยู่ในโลก&lan guage=thai&number=133&volu me=17
************************** **********
ฟังพุทธวจน บรรยาย ได้ที่ www.watnapp.com
อัญเชิญภาพพระสูตรโดย.Maki Pijika
— กับ Maki Pijika, ตักสิลา ล่องไพร, ฟ้า ฟ้า และ Suwan Kowsakul**************************
[๒๓๙] พระนครสาวัตถี ฯลฯ สมัยนั้นแล
พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่ขัดแย้งกับโลก. แต่โลกย่อมขัดแย้งกับเรา.
ผู้กล่าวเป็นธรรมย่อมไม่ขัด
สิ่งใดที่บัณฑิตในโลกสมมติว
สิ่งใดที่บัณฑิตในโลก สมมติว่า มี แม้เราก็กล่าวสิ่งนั้นว่า มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า
รูป
ที่เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา
บัณฑิตในโลกสมมติว่า ไม่มี แม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า ไม่มี.
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ที่เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา
โลกสมมติว่า ไม่มี แม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้แหละที่เป็นบัณฑิตในโลกส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูป
ที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี แม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า มี.
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ที่บัณฑิตในโลกสมมุติว่า มี แม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้แหละที่บัณฑิตในโลกสมมุต
[๒๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
โลกธรรมมีอยู่ในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้
ทราบชัดโลกธรรมนั้น ครั้นแล้วย่อม
บอก
แสดง
บัญญัติ
แต่งตั้ง
เปิดเผย
จำแนก
กระทำให้ตื้น.
ก็โลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้
ทราบชัดโลกธรรม ครั้นแล้ว
ย่อมบอก
แสดง
บัญญัติ
แต่งตั้ง
เปิดเผย
จำแนก
กระทำให้ตื้นนั้น คืออะไร?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คือ
รูป
เป็นโลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้
ทราบชัดโลกธรรมนั้น ฯลฯ
กระทำให้ตื้น.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลใด
เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้ ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น
เราจะกระทำอะไรได้กะบุคคลนั
ผู้เป็นปุถุชนคนพาล
บอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น.
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ทราบชัดโลกธรรมนั้น ครั้นแล้ว
ย่อมบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น.
บุคคลใด เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น เราจะกระทำอะไรได้กะบุคคลนั
ผู้เป็นปุถุชนคนพาล บอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น.
[๒๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบลก็ดี ปทุมก็ดี บุณฑริกก็ดี เกิดแล้วในน้ำ
เจริญแล้วในน้ำ ขึ้นพ้นจากน้ำตั้งอยู่ แต่น้ำไม่ติด แม้ฉันใด.
พระตถาคตเกิดแล้วในโลก เจริญแล้วในโลก
ย่อมครอบงำโลกอยู่
แต่โลกฉาบทาไม่ได้
ฉันนั้นเหมือนกันแล.
จบ สูตรที่ ๒.
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๗
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
หน้าที่ ๑๓๓/๓๑๐ ข้อที่ ๒๓๙-๒๔๐
**************************
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติม ได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/
**************************
ฟังพุทธวจน บรรยาย ได้ที่ www.watnapp.com
อัญเชิญภาพพระสูตรโดย.Maki Pijika
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น