****ท่านพระโกณฑัญญะ...บรรล ุธรรม ****
************************** *************
****สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเ กิดขึ้นเป็นธรรมดา***
****สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา.****
************************** *******
[๑๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระ ปัญจวัคคีย์ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิ ตไม่ควรเสพ คือ
การประกอบตนให้พัวพันด้วยกา มสุขในกามทั้งหลาย
เป็นธรรมอันเลว เป็นของชาวบ้าน
เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑
การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแ ก่ตน เป็นความลำบาก
ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง
ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่า งนั้น
นั่นตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้ว ยปัญญาอันยิ่ง
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด
ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ ง
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?
ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาอันเห็นชอบ ๑
ความดำริชอบ ๑
เจรจาชอบ ๑
การงานชอบ ๑
เลี้ยงชีวิตชอบ ๑
พยายามชอบ ๑
ระลึกชอบ ๑
ตั้งจิตชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น
ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วย ปัญญาอันยิ่ง
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน.
[๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ
ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์
ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์
ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป ็นที่รักก็เป็นทุกข์
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่ รักก็เป็นทุกข์
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้ นก็เป็นทุกข์
โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขสมุทัยอริย สัจ คือ
ตัณหาอันทำให้เกิดอีก
ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำ นาจความเพลิน
มีปกติเพลิดเพลินในอารมณ์นั ้นๆ คือ
กามตัณหา
ภวตัณหา
วิภวตัณหา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธอริยส ัจ คือ
ตัณหานั่นแลดับ โดยไม่เหลือด้วยมรรคคือ
วิราคะ
สละ
สละคืน
ปล่อยไป
ไม่พัวพัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธคามิน ีปฏิปทาอริยสัจ คือ
อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาเห็นชอบ ๑ ...
ตั้งจิตชอบ ๑.
[๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้ว แก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขอริยสัจ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล ควรกำหนดรู้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล เราก็ได้กำหนดรู้แล้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขสมุทัยอริยสัจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล ควรละเสีย.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล เราได้ละแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
นี้ทุกขนิโรธอริยสัจ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล ควรทำให้แจ้ง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล เราทำให้แจ้งแล้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอร ิยสัจ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยส ัจนี้นั้นแล ควรให้เจริญ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย ฟังมาก่อนว่า
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยส ัจนี้นั้นแล เราให้เจริญแล้ว.
*** ญาณทัสสนะ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒***
************************** **************
[๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริง ของเราในอริยสัจ ๔ นี้
มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้
ยังไม่หมดจดดีแล้ว เพียงใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังยืนยันไม่ได้ว่า
เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิ ญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล
ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริง ของเรา ในอริยสัจ ๔ นี้
มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้
หมดจดดีแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่า
เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิ ญาณ
อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์.
อนึ่ง ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้น แล้วแก่เราว่า
ความพ้นวิเศษของเราไม่กลับก ำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด
ภพใหม่ไม่มีต่อไป.
ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรั สไวยากรณภาษิตนี้อยู่
ดวงตาเห็นธรรม
ปราศจากธุลี
ปราศจากมลทิน
ได้เกิดขึ้นแก่
****ท่านพระโกณฑัญญะว่า ****
************************** *****
****สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเ กิดขึ้นเป็นธรรมดา***
****สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา.****
************************** *******
[๑๗] ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประก าศธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว
เหล่าภุมมเทวดาได้บันลือเสี ยงว่า
นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ย ม
พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้ เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน
เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม
หรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
เทวดาชั้นจาตุมหาราช
ได้ยินเสียงของพวกภุมมเทวดา แล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.
เทวดาชั้นดาวดึงส์
ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้น จาตุมหาราชแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.
เทวดาชั้นยามา ...
เทวดาชั้นดุสิต ...
เทวดาชั้นนิมมานรดี ...
เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดี ...
เทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรห ม
ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้น ปรนิมมิตวสวดีแล้ว
ก็บันลือเสียงต่อไปว่า
นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ย ม
พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้ เป็นไปแล้ว
ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน
เขตพระนครพาราณสี
อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม
หรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
ชั่วขณะการครู่หนึ่งนั้น
เสียงกระฉ่อนขึ้นไปจนถึงพรห มโลก
ด้วยประการฉะนี้แล.
ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้ได้หวั่ นไหวสะเทือนสะท้าน
ทั้งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่หาป ระมาณมิได้
ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งห ลาย.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเปล่งพระอ ุทานว่า
ท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ
ท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ
เพราะเหตุนั้น คำว่า อัญญาโกณฑัญญะนี้
จึงได้เป็นชื่อของท่านพระโก ณฑัญญะ
ด้วยประการฉะนี้.
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จบ
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๔
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑
หน้าที่ ๑๕/๓๐๔ ข้อที่ ๑๓
************************
อ่านพุทธวจนเพิ่มเติมได้จาก โปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/ read?keywords=ปฐมเทศนา&lang uage=thai&number=15&volume =4#
*********************
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
อันเชิญภาพพระสูตรโดย Maki Pijika
— กับ Maki Pijika, ตักสิลา ล่องไพร และ ฟ้า ฟ้า
**************************
****สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเ
****สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา.****
**************************
[๑๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิ
การประกอบตนให้พัวพันด้วยกา
เป็นธรรมอันเลว เป็นของชาวบ้าน
เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑
การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแ
ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง
ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่า
นั่นตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้ว
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด
ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?
ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาอันเห็นชอบ ๑
ความดำริชอบ ๑
เจรจาชอบ ๑
การงานชอบ ๑
เลี้ยงชีวิตชอบ ๑
พยายามชอบ ๑
ระลึกชอบ ๑
ตั้งจิตชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น
ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วย
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน.
[๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ
ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์
ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์
ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้
โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขสมุทัยอริย
ตัณหาอันทำให้เกิดอีก
ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำ
มีปกติเพลิดเพลินในอารมณ์นั
กามตัณหา
ภวตัณหา
วิภวตัณหา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธอริยส
ตัณหานั่นแลดับ โดยไม่เหลือด้วยมรรคคือ
วิราคะ
สละ
สละคืน
ปล่อยไป
ไม่พัวพัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธคามิน
อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาเห็นชอบ ๑ ...
ตั้งจิตชอบ ๑.
[๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้ว แก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล ควรกำหนดรู้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล เราก็ได้กำหนดรู้แล้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
นี้ทุกขนิโรธอริยสัจ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล ควรทำให้แจ้ง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล เราทำให้แจ้งแล้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคย
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยส
*** ญาณทัสสนะ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒***
**************************
[๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริง
มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้
ยังไม่หมดจดดีแล้ว เพียงใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังยืนยันไม่ได้ว่า
เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิ
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล
ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริง
มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้
หมดจดดีแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่า
เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิ
อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์.
อนึ่ง ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้น
ความพ้นวิเศษของเราไม่กลับก
ภพใหม่ไม่มีต่อไป.
ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรั
ดวงตาเห็นธรรม
ปราศจากธุลี
ปราศจากมลทิน
ได้เกิดขึ้นแก่
****ท่านพระโกณฑัญญะว่า ****
**************************
****สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเ
****สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา.****
**************************
[๑๗] ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประก
เหล่าภุมมเทวดาได้บันลือเสี
นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ย
พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้
เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม
หรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
เทวดาชั้นจาตุมหาราช
ได้ยินเสียงของพวกภุมมเทวดา
เทวดาชั้นดาวดึงส์
ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้น
เทวดาชั้นยามา ...
เทวดาชั้นดุสิต ...
เทวดาชั้นนิมมานรดี ...
เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดี ...
เทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรห
ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้น
ก็บันลือเสียงต่อไปว่า
นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ย
พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้
ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน
เขตพระนครพาราณสี
อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม
หรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
ชั่วขณะการครู่หนึ่งนั้น
เสียงกระฉ่อนขึ้นไปจนถึงพรห
ด้วยประการฉะนี้แล.
ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้ได้หวั่
ทั้งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่หาป
ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งห
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเปล่งพระอ
ท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ
ท่านผู้เจริญ โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ
เพราะเหตุนั้น คำว่า อัญญาโกณฑัญญะนี้
จึงได้เป็นชื่อของท่านพระโก
ด้วยประการฉะนี้.
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จบ
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๔
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑
หน้าที่ ๑๕/๓๐๔ ข้อที่ ๑๓
************************
อ่านพุทธวจนเพิ่มเติมได้จาก
http://etipitaka.com/
*********************
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
อันเชิญภาพพระสูตรโดย Maki Pijika
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น