วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เนื้อที่นอนจมบ่วง แต่ไม่ติดบ่วง

การบริโภคกามคุณทั้ง ๕ อย่างไม่มีโทษ
___________________

ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณเหล่านี้มี ๕ อย่าง.
๕ อย่าง อย่างไรเล่า ? ๕ อย่าง คือ :-

✦ รูปที่เห็นด้วยตา,
✦ เสียงที่ฟังด้วยหู,
✦ กลิ่นที่ดมด้วยจมูก,
✦ รสที่ลิ้มด้วยลิ้น และ
✦ โผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยผิวกา

อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะ
น่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด.
ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณมี ๕ อย่าง เหล่านี้แล.

ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือ
พราหมณ์ก็ตาม ติดอกติดใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ใน
กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้แล้ว ไม่มองเห็นส่วนที่เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
ทำการบริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่; ชนเหล่านั้น อัน
คนทั้งหลายพึงเข้าใจเถิดว่า เป็นผู้ถึงความพินาศย่อยยับ
แล้วแต่มารผู้มีบาปต้องการจะทำตามอำเภอใจอย่างใด
ดังนี้.

ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบได้ดังเนื้อป่าที่ติดบ่วง
นอนจมอยู่ในกองบ่วง ในลักษณะที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่า
มันจะถึงซึ่งความพินาศย่อยยับ เป็นไปตามความประสงค์
ของพรานทุกประการ, เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหนีไปไหน
ไม่พ้นเลย ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น.

ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนชนเหล่าใด จะเป็นสมณะ
หรือพราหมณ์ก็ตาม ไม่ติดใจ ไม่สยบอยู่ ไม่เมาหมกอยู่
ในกามคุณ ๕ เหล่านี้แล้ว มองเห็นส่วนที่เป็นโทษอยู่
เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
บริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่; ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลาย
พึงเข้าใจได้อย่างนี้ว่า เป็นผู้ไม่ถึงความพินาศย่อยยับ
ไปตามความประสงค์ของมารผู้มีบาปแต่อย่างใด ดังนี้.

ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนเนื้อป่าตัวที่ไม่ติดบ่วง
แม้นอนจมอยู่บนกองบ่วง มันก็เป็นสัตว์ที่ใครๆ
พึงเข้าใจได้ว่า เป็นสัตว์ที่ไม่ถึงความพินาศย่อยยับไปตาม
ความประสงค์ของพรานแต่อย่างใด, เมื่อพรานมาถึงเข้า
มันจะหลีกหนีไปได้ตามที่ต้องการ ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น.

ภิกษุทั้งหลาย ! (อีกอย่างหนึ่ง) เปรียบเหมือน
เนื้อป่า เที่ยวไปในป่ากว้าง เดินอยู่ก็สง่างาม ยืนอยู่ก็สง่างาม
หมอบอยู่ก็สง่างาม นอนอยู่ก็สง่างาม.
เพราะเหตุไรเล่า ?

ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุว่าเนื้อป่านั้นยังไม่มา
สู่คลองแห่งจักษุของพราน, ข้อนี้ฉันใด;

ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน :
สงัดแล้วจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงซึ่ง
ปฐมฌาณ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเว
แล้วแลอยู่.

ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า ได้ทำมาร
ให้เป็นผู้ตาบอดไม่มีร่องรอย กำจัดเสียแล้วซึ่งจักษุแห่งมาร
ไปแล้วสู่ที่ซึ่งมารผู้มีบาปมองไม่เห็น.

(ต่อไปนี้ ได้ตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาน-ตติยฌาน-
จตุตถฌาน-อากาสานัญจายตนะ-วิญญาณัญจายตนะ-
อากิญจัญญายตนะ-เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยนัย
เดียวกันกับการบรรลุปฐมฌาน เป็นลำดับไป, จนกระทั่งถึง
สัญญาเวทยิตนิโรธ โดยข้อความสืบต่อไปว่า 

ภิกษุทั้งหลาย ! ยิ่งไปกว่านั้นอีก : ภิกษุก้าวล่วง
เนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงซึ่ง
สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่.

อนึ่ง เพราะเห็นแล้วด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ.
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ทำมารให้เป็นผู้ตาบอด
ไม่มีร่องรอย กำจัดเสียแล้วซึ่งจักษุแห่งมาร
ไปแล้วสู่ที่ซึ่งมารผู้มีบาปมองไม่เห็น, ได้ข้ามแล้วซึ่งตัณหาในโลก.

ภิกษุนั้นยืนอยู่ก็สง่างาม เดินอยู่ก็สง่างาม
นั่งอยู่ก็สง่างาม นอนอยู่ก็สง่างาม.
เพราะเหตุไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุว่า ภิกษุนั้นไม่ได้
มาสู่คลองแห่งอำนาจของมารผู้มีบาป, ดังนี้แล.

*************
จากหนังสือ พุทธวจน ปฐมธรรม
หน้า ๔๕ - ๔๘
มู. ม. ๑๒/๓๓๑-๓๓๓/๓๒๗-๓๒๘.
*************

ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น