วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การพิจารณาธรรมในธรรม ...ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ...


***การพิจารณาธรรมในธรรม...ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ****
***หมวด...ธัมมานุปัสสนา...***

[๒๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นไฉน 
นี้คือมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ คือ 
สัมมาทิฏฐิ 
สัมมาสังกัปปะ 
สัมมาวาจา 
สัมมากัมมันตะ 
สัมมาอาชีวะ 
สัมมาวายามะ 
สัมมาสติ 
สัมมาสมาธิ
----------
ก็สัมมาทิฏฐิเป็นไฉน 
ความรู้ในทุกข์ 
ความรู้ในทุกขสมุทัย 
ความรู้ใน ทุกขนิโรธ
ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา 
อันนี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ฯ
----------
สัมมาสังกัปปะ เป็นไฉน 
ความดำริในการออกจากกาม 
ความดำริในความไม่พยาบาท 
ความดำริในอันไม่เบียดเบียน 
อันนี้เรียกว่า สัมมาสังกัปปะ ฯ
----------
สัมมาวาจา เป็นไฉน 
การงดเว้นจากการพูดเท็จ 
งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
งดเว้นจากการพูดคำหยาบ 
งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ 
อันนี้เรียกว่า สัมมาวาจา ฯ
----------
สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน 
การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ 
งดเว้นจากการถือ เอาสิ่งของที่เขามิได้ให้ 
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม 
อันนี้เรียกว่า สัมมากัมมันตะ ฯ
----------
สัมมาอาชีวะ เป็นไฉน 
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ 
ละการเลี้ยงชีพที่ผิดเสีย 
สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยการเลี้ยงชีพที่ชอบ 
อันนี้เรียกว่า สัมมาอาชีวะ ฯ
-----------
สัมมาวายามะ เป็นไฉน 
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ 
เกิดฉันทะพยายาม 
ปรารภความเพียร 
ประคองจิตไว้ 
ตั้งจิตไว้ 
เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น 
เพื่อละอกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว 
เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น 
เพื่อความตั้งอยู่ไม่เลือนหาย 
เจริญยิ่ง ไพบูลย์ มีขึ้น 
เต็มเปี่ยม แห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว 
อันนี้เรียกว่า สัมมาวายามะ ฯ
------------- 
สัมมาสติ เป็นไฉน 
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ 
มีความเพียรมีสัมปชัญญะ มีสติ 
กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้ 
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ฯลฯ 
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯ 
พิจารณา เห็นธรรมในธรรมอยู่ 
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ 
กำจัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกเสียได้ 
อันนี้เรียกว่า สัมมาสติ ฯ
---------------
สัมมาสมาธิ เป็นไฉน 
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม 
สงัดจาก อกุศลธรรม
บรรลุปฐมฌาน 
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ 
เธอบรรลุทุติยฌาน 
------
มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน 
เป็นธรรมเอกผุดขึ้น 
เพราะวิตกวิจารสงบไป 
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ 
เธอมี อุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ 
เสวยสุขด้วยกายเพราะปีติสิ้นไป
บรรลุตติยฌาน 
--------
ที่พระอริยทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ 
เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข 
เธอบรรลุจตุตถฌาน 
---------
ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ 
และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้ 
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ 
อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ฯ
---------- 
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรียกว่า ทุกขนิโรธคามิมีปฏิปทาอริยสัจ ฯ
-----------
ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อม

พิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง 
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายนอกบ้าง 
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายในภายนอกบ้าง 
พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง 
พิจารณาเห็นธรรมคือ เสื่อมในธรรมบ้าง 
พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง

ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง 
สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ 
เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น 

เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว 
และ ไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล 
ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็น ธรรมในธรรมอยู่ ฯ

จบสัจจบรรพ
จบธัมมานุปัสสนา

พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๐
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
หน้าที่ ๒๓๑/๒๖๑ ข้อที่ ๒๙๙
---------------------------------------
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/read?keywords=แตกทำลาย+&language=thai&number=227&volume=10#
---------------------------------------
ฟังพุทธวจน บรรยาย ได้ที่ www.watnapp.com
อัญเชิญภาพพระสูตรโดย Maki Pijika — กับ Maki Pijika และ 2 อื่นๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น