วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อานาปานสติ กองกุศล



***..ขอคืนพื้นที่...อกุศล..ด้วย..อานาปานสติ...***
************************************************************
ทรงแสดงอานาปานสติสมาธิกถา
[๑๗๘] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าสู่
อุปัฏฐานศาลาประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์
ที่จัดไว้ถวาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้สมาธิในอานาปานสตินี้แล

อันภิกษุอบรมทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วๆ
ให้อันตรธานสงบไปโดยฉับพลัน

ดุจละอองและฝุ่นที่ฟุ้ง ขึ้นในเดือนท้ายฤดูร้อน
ฝนใหญ่ที่ตกในสมัยมิใช่ฤดูกาล
ย่อมยังละอองและฝุ่นนั้นๆ
ให้อันตรธาน
สงบไปได้
โดยฉับพลัน ฉะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อานาปานสติสมาธิ
อันภิกษุอบรมอย่างไร
ทำให้มากอย่างไร
จึงเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วๆ ให้อันตรธาน
สงบไปโดยฉับพลัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
อยู่ในป่าก็ตาม
อยู่ ณ โคนไม้ก็ตาม
อยู่ในสถานที่สงัดก็ตาม

นั่งคู้บัลลังก์
ตั้งกายตรง
ดำรงสติบ่ายหน้า
ภิกษุนั้นย่อมมีสติหายใจเข้
มีสติหายใจออก
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้สึกว่าหายใจเข้ายาว
หรือเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้สึกว่าหายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้สึกว่าหายใจเข้าสั้น
หรือเมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้สึกว่าหายใจออกสั้น
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งกองลมทั้งปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งกองลมทั้งปวงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งปีติหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งปีติหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งสุขหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งสุขหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตสังขารหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักยังจิตให้บันเทิงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักยังจิตให้บรรเทิงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักตั้งจิตไว้มั่นหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตไว้มั่นหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักปล่อยจิตหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักปล่อยจิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นธรรมอันไม่เที่ยงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นธรรมอันไม่เที่ยงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นวิราคะหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นวิราคะหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นนิโรธหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นนิโรธหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นปฏินิสสัคคะหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นปฏินิสสัคคะหายใจออก

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติสมาธิ
อันภิกษุอบรมแล้วอย่างนี้แล
ทำให้มากแล้วอย่างนี้แล
จึงเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้น
แล้วๆ ให้อันตรธานสงบไปได้โดยฉับพลัน.

พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
หน้าที่ ๒๙๐/๗๕๔ ข้อที่ ๑๗๘
*************************************
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/read?keywords=อานาปานสติ&language=thai&number=290&volume=1#
**************************************
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
ภาพประกอบพระสูตร..น้องฟ้า..มัคคานุคา..ตัวน้อยๆ จากลพบุรี
 — กับ Maki Pijikaตักสิลา ล่องไพร และฟ้า ฟ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น