***..ขอคืนพื้นที่...อกุศล. .ด้วย..อานาปานสติ...***
************************** ************************** ********
ทรงแสดงอานาปานสติสมาธิกถา
[๑๗๘] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าสู่
อุปัฏฐานศาลาประทับนั่งเหนื อพุทธอาสน์
ที่จัดไว้ถวาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้สมาธิในอานาปานสตินี้แล
อันภิกษุอบรมทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดข ึ้นแล้วๆ
ให้อันตรธานสงบไปโดยฉับพลัน
ดุจละอองและฝุ่นที่ฟุ้ง ขึ้นในเดือนท้ายฤดูร้อน
ฝนใหญ่ที่ตกในสมัยมิใช่ฤดูก าล
ย่อมยังละอองและฝุ่นนั้นๆ
ให้อันตรธาน
สงบไปได้
โดยฉับพลัน ฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อานาปานสติสมาธิ
อันภิกษุอบรมอย่างไร
ทำให้มากอย่างไร
จึงเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดข ึ้นแล้วๆ ให้อันตรธาน
สงบไปโดยฉับพลัน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
อยู่ในป่าก็ตาม
อยู่ ณ โคนไม้ก็ตาม
อยู่ในสถานที่สงัดก็ตาม
นั่งคู้บัลลังก์
ตั้งกายตรง
ดำรงสติบ่ายหน้า
ภิกษุนั้นย่อมมีสติหายใจเข้ า
มีสติหายใจออก
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้สึกว่าหายใจเข้ายาว
หรือเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้สึกว่าหายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้สึกว่าหายใจเข้าสั้น
หรือเมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้สึกว่าหายใจออกสั้น
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งกองลมทั้ง ปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งกองลมทั้ง ปวงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเ ข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจอ อก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งปีติหายใจ เข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งปีติหายใจ ออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งสุขหายใจเ ข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งสุขหายใจอ อก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตสังขาร หายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตสังขาร หายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจเ ข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจอ อก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตหายใจเ ข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตหายใจอ อก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักยังจิตให้บันเทิงหายใ จเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักยังจิตให้บรรเทิงหายใ จออก
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักตั้งจ ิตไว้มั่นหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตไว้มั่นหายใจอ อก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักปล่อยจิตหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักปล่อยจิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นธรรมอันไม ่เที่ยงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นธรรมอันไม ่เที่ยงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นวิราคะหาย ใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นวิราคะหาย ใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นนิโรธหายใ จเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นนิโรธหายใ จออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นปฏินิสสัค คะหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นปฏินิสสัค คะหายใจออก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติสมาธิ
อันภิกษุอบรมแล้วอย่างนี้แล
ทำให้มากแล้วอย่างนี้แล
จึงเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดข ึ้น
แล้วๆ ให้อันตรธานสงบไปได้โดยฉับพ ลัน.
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
หน้าที่ ๒๙๐/๗๕๔ ข้อที่ ๑๗๘
************************** ***********
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/ read?keywords=อานาปานสติ&la nguage=thai&number=290&vol ume=1#
************************** ************
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
ภาพประกอบพระสูตร..น้องฟ้า. .มัคคานุคา..ตัวน้อยๆ จากลพบุรี
— กับ Maki Pijika, ตักสิลา ล่องไพร และฟ้า ฟ้า
**************************
ทรงแสดงอานาปานสติสมาธิกถา
[๑๗๘] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าสู่
อุปัฏฐานศาลาประทับนั่งเหนื
ที่จัดไว้ถวาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้สมาธิในอานาปานสตินี้แล
อันภิกษุอบรมทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดข
ให้อันตรธานสงบไปโดยฉับพลัน
ดุจละอองและฝุ่นที่ฟุ้ง ขึ้นในเดือนท้ายฤดูร้อน
ฝนใหญ่ที่ตกในสมัยมิใช่ฤดูก
ย่อมยังละอองและฝุ่นนั้นๆ
ให้อันตรธาน
สงบไปได้
โดยฉับพลัน ฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อานาปานสติสมาธิ
อันภิกษุอบรมอย่างไร
ทำให้มากอย่างไร
จึงเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดข
สงบไปโดยฉับพลัน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
อยู่ในป่าก็ตาม
อยู่ ณ โคนไม้ก็ตาม
อยู่ในสถานที่สงัดก็ตาม
นั่งคู้บัลลังก์
ตั้งกายตรง
ดำรงสติบ่ายหน้า
ภิกษุนั้นย่อมมีสติหายใจเข้
มีสติหายใจออก
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้สึกว่าหายใจเข้ายาว
หรือเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้สึกว่าหายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้สึกว่าหายใจเข้าสั้น
หรือเมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้สึกว่าหายใจออกสั้น
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งกองลมทั้ง
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งกองลมทั้ง
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจอ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งปีติหายใจ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งปีติหายใจ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งสุขหายใจเ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งสุขหายใจอ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตสังขาร
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตสังขาร
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจเ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจอ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตหายใจเ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งซึ่งจิตหายใจอ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักยังจิตให้บันเทิงหายใ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักยังจิตให้บรรเทิงหายใ
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักตั้งจ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตไว้มั่นหายใจอ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักปล่อยจิตหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักปล่อยจิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นธรรมอันไม
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นธรรมอันไม
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นวิราคะหาย
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นวิราคะหาย
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นนิโรธหายใ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นนิโรธหายใ
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นปฏินิสสัค
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นปฏินิสสัค
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติสมาธิ
อันภิกษุอบรมแล้วอย่างนี้แล
ทำให้มากแล้วอย่างนี้แล
จึงเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข
และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดข
แล้วๆ ให้อันตรธานสงบไปได้โดยฉับพ
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
หน้าที่ ๒๙๐/๗๕๔ ข้อที่ ๑๗๘
**************************
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/
**************************
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
ภาพประกอบพระสูตร..น้องฟ้า.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น