***อริยสัจสี่...วิชชาสาม(พ ระศาสดาตรัสรู้)...อาสวักขย ญาณ***
************************** ************************** **************
***อาสวักขยญาณ***
***********************
เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส
ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน
ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว
ได้น้อมจิตไปเพื่อ
***อาสวักขยญาณ***
เรานั้นได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้เหตุให้เกิดทุกข์
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ความดับทุกข์
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ ทุกข์
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
เหล่านี้อาสวะ
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้เหตุให้เกิดอาสวะ
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ความดับอาสวะ
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ อาสวะ
เมื่อเรานั้นรู้อยู่อย่างนี ้
เห็นอยู่อย่างนี้
จิตได้หลุดพ้นแล้ว
แม้จากกามาสวะ
ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากภวาสวะ
ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากอวิชชา สวะ
เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว
ได้มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้น แล้ว
ได้รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งว่า
ชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่ างนี้
มิได้มี
พราหมณ์
วิชชาที่สาม
นี้แล
เราได้บรรลุแล้วในปัจฉิมยาม แห่งราตรี
อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว
วิชชาเกิดแก่เราแล้ว
ความมืดเรากำจัดได้แล้ว
แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว
เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม ่ประมาท
มีความเพียรเผากิเลสส่งจิตไ ปแล้วอยู่ ฉะนั้น
ความชำแรกออกครั้งที่สามของ เรานี้แล
ได้เป็นเหมือนการทำลายออกจา กกะเปาะฟองแห่งลูกไก่ ฉะนั้น.
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
หน้าที่ ๗/๗๕๔ ข้อที่ ๔-๕
************************** **************
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติม ได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/ read?keywords=กรรม&language =thai&number=6&volume=1
************************** **************
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
อัญเชิญภาพพระสูตรโดย Maki Pijika
— กับ Maki Pijika, ตักสิลา ล่องไพร และ ฟ้า ฟ้า**************************
***อาสวักขยญาณ***
***********************
เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส
ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน
ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว
ได้น้อมจิตไปเพื่อ
***อาสวักขยญาณ***
เรานั้นได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้เหตุให้เกิดทุกข์
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ความดับทุกข์
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
เหล่านี้อาสวะ
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้เหตุให้เกิดอาสวะ
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ความดับอาสวะ
ได้รู้ชัด
ตามเป็นจริงว่า
นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ
เมื่อเรานั้นรู้อยู่อย่างนี
เห็นอยู่อย่างนี้
จิตได้หลุดพ้นแล้ว
แม้จากกามาสวะ
ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากภวาสวะ
ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากอวิชชา
เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว
ได้มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้น
ได้รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งว่า
ชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่
มิได้มี
พราหมณ์
วิชชาที่สาม
นี้แล
เราได้บรรลุแล้วในปัจฉิมยาม
อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว
วิชชาเกิดแก่เราแล้ว
ความมืดเรากำจัดได้แล้ว
แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว
เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม
มีความเพียรเผากิเลสส่งจิตไ
ความชำแรกออกครั้งที่สามของ
ได้เป็นเหมือนการทำลายออกจา
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑
หน้าที่ ๗/๗๕๔ ข้อที่ ๔-๕
**************************
อ่านพุทธวจน เพิ่มเติม ได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/
**************************
ฟังพุทธวจน บรรยายได้ที่ www.watnapp.com
อัญเชิญภาพพระสูตรโดย Maki Pijika