วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
สนทนาธรรมบ่ายวันเสาร์ที่ 18 กรกฏาคม 2558
#ตัวอย่างของผู้เดินมรรคใช้เวลาปีกว่าๆ เห็นผล(ประมาณนาทีที่ <<6.00>>)
#ทำอะไรเลวร้ายมา..#ให้ละนันทิ..จิตเกาะกาย..แล้วชีวิตจะดีขึ้น
อานาปานสติ ..มรรคแปดบริบูรณ์.
1. ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา.เหตุได้มาซึ่ง..ทรัพย์..ยศ.อายุยืน.สุคติโลกสวรรค์
(ดูพระสูตรเต็ม https://www.facebook.com/fata.chalee/posts/1672175499680653 )
2. เพิ่มสุตะ = เจริญทั้งสองทาง.
(ดูพระสูตรเต็ม https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1576443415920529&set=a.1410079375890268.1073741828.100006646566764&type=1&permPage=1 )
3. เพิ่มสุตะ = เหตุสมปรารถนา
(ดูพระสูตรเต็ม https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1571484629749741.1073741837.100006646566764&type=3 )
4. อานาปานสติ.ระงับอาพาธได้ตามควรแก่ฐานะ.
( ดูพระสูตรเต็ม https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1622613751303495&set=a.1410079375890268.1073741828.100006646566764&type=1&permPage=1 )
5. อานาปานสติถึงนิพพาน
(ดูพระสูตรเต็ม https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1649107218654148&set=a.1410079375890268.1073741828.100006646566764&type=1&permPage=1)
6. วิหารธรรมเครื่องอยู่
(ดูพระสูตรเต็ม https://www.facebook.com/fata.chalee/posts/1674585156106354 )
https://www.youtube.com/watch?v=-dTXDBVA0pY
#การละนันทิ (ความเพลิน)
เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย
(สมฺมา ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ) ;
เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ
จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ
(นนฺทิกฺขยา ราคกฺขโย) ;
เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ
จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ
(ราคกฺขยา นนฺทิกฺขโย ) ;
เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ
กล่าวได้ว่า “จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี” ดังนี้.
(นนฺทิราคกฺขยา จิตฺตํ สุวิมุตฺตนฺติ วุจฺจติ).
(ในกรณีแห่งอายตนะภายในที่เหลืออีก ๕ คือ โสตะ ฆานะ
ชิวหา กายะ มโน และในกรณีแห่งอายตนะ ภายนอก ๖ คือ รูป เสียง
กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณี แห่ง
จักษุ ทุกประการ.)
นันทิกขยวรรค สฬา.สํ. ๑๘ / ๑๗๙ / ๒๔๕-๖.
----------------
#ผู้ได้ชื่อว่า #อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ
อานนท์ ! อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ (อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา)
ในอริยวินัย เป็นอย่างไรเล่า ?
อานนท์ ! ในกรณีนี้
อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจ – ไม่เป็นที่ชอบใจ –
ทั้งเป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ
อันบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุเพราะเห็นรูปด้วยตา.
ภิกษุนั้นรู้ชัดอย่างนี้ว่า
“อารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้วแก่เรานี้
เป็นสิ่งมีปัจจัยปรุงแต่ง (สงฺขต)
เป็นของหยาบ ๆ (โอฬาริก)
เป็นสิ่งที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น (ปฏิจฺจ สมุปฺปนฺน);
แต่มีสิ่งโน้นซึ่งรำงับและประณีต, กล่าวคือ อุเบกขา” ดังนี้.
(เมื่อรู้ชัดอย่างนี้)
อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจ –
ไม่เป็นที่ชอบใจ -
ทั้งเป็นที่ชอบใจและไม่เป็นที่ชอบใจ
อันบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น
ย่อมดับไป, อุเบกขายังคงดำรงอยู่.
อานนท์ ! อารมณ์อันเป็นที่ชอบใจ
– ไม่เป็นที่ชอบใจ
- ทั้งเป็นที่ชอบใจ และไม่เป็นที่ชอบใจ
อันบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น
ย่อมดับไป เร็วเหมือนการกระพริบตาของคน
อุเบกขายังคงดำรงอยู่.
อานนท์ ! นี้แล เราเรียกว่า
#อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศในอริยวินัย
ในกรณีแห่ง รูปที่รู้แจ้งด้วยจักษุ.
(ในกรณีแห่ง เสียงที่รู้แจ้งด้วยโสตะ
กลิ่นที่รู้แจ้งด้วยฆานะ รสที่รู้แจ้งด้วยชิวหา
โผฎฐัพพะที่รู้แจ้งด้วยผิวกาย
และ ธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งด้วยใจ
ทรงตรัสอย่างเดียวกัน
ต่างกันแต่อุปมาแห่งความเร็วในการดับแห่งอารมณ์นั้น ๆ, คือ
กรณีเสียง เปรียบด้วยความเร็วแห่งการดีดนิ้วมือ,
กรณีกลิ่น เปรียบด้วยความเร็วแห่งหยดน้ำตกจากใบบัว,
กรณีรส เปรียบด้วยความเร็วแห่งน้ำลาย
ที่ถ่มจากปลายลิ้นของคนแข็งแรง,
กรณีโผฏฐัพพะ
เปรียบด้วยความเร็วแห่งการเหยียดแขนพับแขนของคนแข็งแรง,
กรณีธรรมารมณ์
เปรียบด้วยความเร็วแห่งการแห้งของหยดน้ำบนกระทะเหล็ก
ที่ร้อนแดงอยู่ตลอดวัน)
อุปริ. ม. ๑๔/๕๔๒–๕๔๕/๘๕๖–๘๖๑
--------------------------------
อ่านพุทธวจนเพิ่มเติมได้จากโปรแกรม E-Tipitaka
http://etipitaka.com/read…
-------------------------
พุทธวจน faq ละนันทิ คือวิธีที่ดีที่สุดเพื่อฝึกจิตให้มีกำลัง http://www.youtube.com/watch?v=-wqJ8V_T0YM
------------------------------
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น