วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อานาปานสติภาวนา


#อานาปานสติภาวนา
[๑๔๖] ดูกรราหุล เธอจงเจริญอานาปานสติภาวนาเถิด 
เพราะอานาปานสติที่บุคคลเจริญแล้ว 
ทำให้มากแล้ว 
ย่อมมีผล มีอานิสงส์ใหญ่. 
ก็อานาปานสติอันบุคคลเจริญอย่างไร
ทำให้มากอย่างไร จึงมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่?
ดูกรราหุล ภิกษุในธรรมวินัยนี้
อยู่ในป่าก็ดี
อยู่ที่โคนไม้ก็ดี
อยู่ในเรือนว่างก็ดี
นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง
ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า.
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว.
เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น.
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับกายสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับกายสังขารหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้ปีติหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้ปีติหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้สุขหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้สุขหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตสังขารหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับจิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักระงับจิตสังขารหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักกำหนดรู้จิตหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักทำจิตให้ร่าเริงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักทำจิตให้ร่าเริงหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักดำรงจิตมั่นหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักดำรงจิตมั่นหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักเปลื้องจิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักเปลื้องจิตหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยงหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาธรรมอันปราศจากราคะหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาธรรมอันปราศจากราคะหายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาธรรมเป็นที่ดับสนิท หายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาธรรมเป็นที่ดับสนิท หายใจเข้า.
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาธรรมเป็นที่สละคืน หายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า จักพิจารณาธรรมเป็นที่สละคืน หายใจเข้า.
ดูกรราหุล
อานาปานสติที่บุคคลเจริญแล้วอย่างนี้
ทำให้มากแล้วอย่างนี้
ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่
ดูกรราหุล
เมื่ออานาปานสติอันบุคคลเจริญแล้วอย่างนี้
ทำให้มากแล้วอย่างนี้
ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ อันมีในภายหลัง
อันบุคคลผู้เจริญอานาปานสติทราบชัดแล้ว
ย่อมดับไป
หาเป็นอันบุคคลผู้เจริญอานาปานสติไม่ทราบชัดแล้ว
ดับไปไม่ได้ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว
ท่านพระราหุลมีใจยินดีชื่นชมพระภาษิตของ
พระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
จบ มหาราหุโลวาทสูตร ที่ ๒.
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๓
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
หน้าที่ ๑๑๖/๕๑๘
---------
อัสสาสะ - ลมหายใจเข้า
ปัสสาสะ - ลมหายใจออก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น