วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พระอาจารย์คึกฤทธิ์-สนทนาธรรมเช้าวันเสาร์_หลังฉัน 1_2015-06-27



อบรมจิต  อบรมปัญญา..แล้วจะทันพวกที่๕

๒. อารภสูตร

             [๑๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๕ จำพวกนี้

มีปรากฏอยู่ในโลก ๕ จำพวกเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้

-

ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมเดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ ๑

-

บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้

ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมไม่เดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ ๑

-

บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้

ไม่ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมเดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ ๑

-

บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้

ไม่ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมไม่เดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ ๑

-

บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้

ไม่ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมไม่เดือดร้อน

และย่อมทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ ๑ ฯ

-

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาบุคคล ๕ จำพวกนั้น

บุคคลใดปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมเดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ

บุคคลนั้นพึงเป็นผู้ควรกล่าวตักเตือนอย่างนี้ว่า

-

อาสวะที่เกิดเพราะปรารภจะล่วงอาบัติของท่านยังมีอยู่

อาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนของท่านยังเจริญอยู่

ขอท่านจงละอาสวะที่เกิดเพราะปรารภจะล่วงอาบัติ

บรรเทาอาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนแล้ว

จึงอบรมจิตและปัญญา

ท่านจักเป็นผู้เทียมทันบุคคลจำพวกที่ ๕ โน้น

เพราะการอบรมอย่างนี้ ฯ

-

             บุคคลใด ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมไม่เดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ

บุคคลนั้น พึงเป็นผู้ควรกล่าวตักเตือนอย่างนี้ว่า

-

อาสวะที่เกิดเพราะปรารภจะล่วงอาบัติของท่านยังมีอยู่

อาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนของท่านไม่เจริญ

ขอท่านจงละอาสวะที่เกิดเพราะปรารภจะล่วงอาบัติแล้ว

จึงอบรมจิตและปัญญา

ท่านจักเป็นผู้เทียมทันบุคคลจำพวกที่ ๕ โน้น

เพราะการอบรมอย่างนี้ ฯ

-

             บุคคลใด ไม่ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมเดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดแล้วแก่เธอ

บุคคลนั้น พึงเป็นผู้ควรกล่าวตักเตือนอย่างนี้ว่า

-

อาสวะที่เกิดเพราะปรารภจะล่วงอาบัติของท่านไม่มี

อาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนของท่านยังเจริญอยู่

ขอท่านจงบรรเทาอาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนแล้ว

จึงอบรมจิตและปัญญา

ท่านจักเป็นผู้เทียมทันบุคคลจำพวกที่ ๕ โน้น

เพราะการอบรมอย่างนี้ ฯ

-            

บุคคลใด ไม่ปรารภจะล่วงอาบัติ ย่อมไม่เดือดร้อน

และย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ

อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือ

แห่งธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งเกิดขึ้นแล้วแก่เธอ

บุคคลนั้น พึงเป็นผู้ควรกล่าวตักเตือน อย่างนี้ว่า

-

อาสวะที่เกิดเพราะปรารภจะล่วงอาบัติของท่านไม่มี

อาสวะที่เกิดเพราะความเดือดร้อนของท่านไม่เจริญ

ขอท่านจงอบรมจิตและปัญญา

ท่านจักเป็นผู้เทียมทันบุคคลจำพวกที่ ๕ โน้น

เพราะการอบรมอย่างนี้

-

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๕ จำพวกนี้

ถูกตักเตือนพร่ำสอนโดยเทียบกับบุคคลที่ ๕ โน้น

ด้วยประการอย่างนี้แล

ย่อมบรรลุความสิ้นอาสวะโดยลำดับ ฯ

จบสูตรที่ ๒

-

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔

อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต

บรรทัดที่ ๓๘๕๙ - ๓๙๑๔.  หน้าที่  ๑๖๘ - ๑๗๑.

-

https://www.youtube.com/watch?v=VT7zIFCGbcs

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น