วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
พระอาจารย์คึกฤทธิ์-สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์_2015-01-24
ประเด็น..talk of the town
**สกทาคามี มาสู่โลกนี้ อีกคราวเดียว โลกอะไร?**
(อรรกถาแปล..มาสู่โลกมนุษย์. แต่ในพระสูตร..สกทามีบุคคลเทวดาชั้นดุสิต)
ที่วัดนาป่าพงใช้..พระสูตร..อธิบายพระสูตร.."เป็นความสามารถของพระพุทธเจ้า" .ด้วยเหตุที่ได้พระนามว่าตถาคต..คือ..คำพูดสอดรับ ไม่ขัดแย้งกัน.เชื่อมโยงกัน นาทีที่ 25.30 https://www.youtube.com/watch?v=fKzPJ-PxXoc&index=124&list=WL
#สกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงอีกครั้งเดียว
#สกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
----
[๒๕๑] ดูกรมหาลี ข้ออื่นยังมีอีก
ภิกษุเป็นสกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงอีกครั้งเดียว
จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ เพราะสัญโยชน์ ๓ หมดสิ้นไป
และเพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบางไป
ดูกรมหาลี แม้นี้ก็เป็นธรรมที่ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในเรา
เพื่อเหตุจะทำให้แจ้งอันดีกว่าและประณีตกว่า.
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๙
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
หน้าที่ ๑๙๑/๓๘๓ ข้อที่ ๒๕๑
--
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์
.
.
อุบาสกนามว่า สุทัตตะ
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป
และเพราะ ราคะ โทสะ โมหะเบาบาง
เป็นพระสกทาคามี กลับมายังโลกนี้คราวเดียวเท่านั้น
แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์
-
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๐
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
หน้าที่ ๘๐/๒๖๑ ข้อที่ ๘๙
-
#สกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
มิคสาลาสูตร
[๓๑๕] ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระอานนท์
นุ่งแล้วถือบาตรจีวรเข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา
แล้วนั่งบนอาสนะที่ได้ปูไว้
ครั้งนั้น อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเข้าไปหาท่านพระอานนท์
ถึงที่อยู่ กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ถามท่านพระอานนท์ว่า
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้
ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
คือ บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ
เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ประพฤติห่างไกล
งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า
#เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
-
บุรุษชื่ออิสิทัตตะผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน
เป็นผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ (แต่)ยินดีด้วยภรรยาของตน
แม้เขากระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า
#เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
-
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้
ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร ฯ
-
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรน้องหญิง
ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่าง นั้นแล ฯ
ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์
รับบิณฑบาตที่นิเวศน์ของอุบาสิกา ชื่อมิคสาลาแล้ว
ลุกจากอาสนะกลับไป
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์กลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตแล้ว
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
เวลาเช้า ข้าพระองค์นุ่งแล้วถือบาตรจีวร
เข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา
แล้วนั่งบนอาสนะที่ได้ปูไว้ ลำดับนั้น
อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเข้าไปหาข้าพระองค์ถึงที่อยู่
กราบไหว้ แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ถามข้าพระองค์ว่า
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้
ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คนคือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
อันวิญญูชนพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
คือ บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ
เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์
ประพฤติห่างไกล งดเว้น จากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านกระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า
เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
บุรุษชื่ออิสิทัตตะผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน
เป็นผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ (แต่) ยินดีด้วยภรรยาของตน
แม้เขากระทำกาละแล้ว
พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า
เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้
ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์
จักเป็นผู้มีคติเสมอกัน อันวิญญูชนพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
เมื่ออุบาสิกาชื่อมิคสาลากล่าวอย่างนี้แล้ว
ข้าพระองค์ได้กล่าวกะอุบาสกชื่อมิคสาลาดังนี้ว่า
ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้นแล ฯ
-
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์
ก็อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเป็นพาล ไม่ฉลาด
เป็นสตรี รู้ตัวว่าเป็นสตรี เป็นอะไร
-
และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร
ในญาณเครื่องกำหนดรู้
ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล
-
ดูกรอานนท์ บุคคล ๖ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
๖ จำพวกเป็นไฉน
ดูกรอานนท์บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้งดเว้นจากบาป
มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
พวกชนที่ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน
ย่อมยินดียิ่งด้วยการอยู่ร่วมกัน
-
เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เขาตายไปแล้วย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ
เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
-
ดูกรอานนท์ อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้งดเว้นจากบาป
มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
พวกคนที่ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน
ย่อมยินดียิ่งด้วยการอยู่ร่วมกัน
-
เขาได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เขาตายไปแล้วย่อมไปทางเจริญไม่ไปทางเสื่อม
เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
-
ดูกรอานนท์
พวกชนผู้ถือประมาณย่อมประมาณในเรื่องนั้นว่า
ธรรมของชนแม้นี้ก็เหล่านั้น
และธรรมของชนแม้อื่นก็เหล่านั้นแหละ
เหตุไฉน บรรดาคน ๒ คนนั้น
คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี
ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น
เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
-
ดูกรอานนท์ ใน ๒ คนนั้น
บุคคลใดเป็นผู้งดเว้นจากบาป
มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
พวกคนที่ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน
ย่อมยินดีด้วยการอยู่ร่วมกัน
-
เขาได้กระทำกิจ แม้ด้วยการฟัง
ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
-
ดูกรอานนท์
บุคคลนี้ดีกว่า และประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้นโน้น
ข้อนั้น เพราะเหตุไร
เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้
ใครเล่านอกจากตถาคตจะพึงรู้เหตุนั้น
เพราะเหตุนั้นแหละ
เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล
และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
ย่อมทำลายคุณวิเศษของตน
เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ
--
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
มีความโกรธและความถือตัว บางครั้งบางคราว
โลกธรรมย่อมเกิดแก่เขา
เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ
เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
-
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
มีความโกรธและความถือตัว บางครั้งบางคราว
โลภธรรมย่อมเกิดแก่เขา
เขาได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ฯลฯ
-
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
มีความโกรธและความถือตัว บางครั้งบางคราว
วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
-
เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ
เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
-
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
มีความโกรธและความถือตัว บางครั้งบางคราว
วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
-
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว
เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม
เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
-
ดูกรอานนท์
พวกคนที่ถือประมาณ
ย่อมประมาณเรื่องนั้นว่า
ธรรมของคนนี้ก็เหล่านั้นแหละ
ธรรมของคนแม้อื่นก็เหล่านั้นแหละ
เหตุไฉนบรรดาคน ๒ คนนั้น
คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี
ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น
ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
-
ดูกรอานนท์
ใน ๒ คนนั้น บุคคลใดมีความโกรธและความถือตัว
และบางครั้งบางคราว
วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
-
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
บุคคลนี้เป็นผู้ดีกว่า
และประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้นโน้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้
ใครเล่านอกจากตถาคต
จะพึงรู้เหตุนั้น
-
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์
เธอทั้งหลายอย่าเป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล
และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคล
ย่อมทำลายคุณวิเศษของตน
เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้
-
ดูกรอานนท์ ก็อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเป็นพาล
ไม่ฉลาด เป็นสตรี รู้ตัวว่าเป็นสตรี เป็นอะไร
และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร
ในญาณเครื่องกำหนดรู้
ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล
-
ดูกรอานนท์ บุคคล ๖ จำพวกนี้แล
มีปรากฏอยู่ในโลก
ดูกรอานนท์
บุรุษชื่อปุราณะเป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นใด
บุรุษชื่ออิสิทัตตะก็เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นนั้น
บุรุษชื่อปุราณะได้รู้
แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้
อนึ่ง บุรุษชื่ออิสิทัตตะ เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นใด
บุรุษชื่อปุราณะก็ได้เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นนั้น
บุรุษชื่ออิสิทัตตะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่อปุราณะก็หามิได้
-
ดูกรอานนท์
คนทั้ง ๒ เลวกว่ากันด้วยองคคุณคนละอย่าง
ด้วยประการฉะนี้ ฯ
-
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๓๑๖/๔๐๗ ข้อที่ ๓๑๕
http://etipitaka.com/read…#
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น